ขอรัฐลดภาษีฟื้นเที่ยวหาดใหญ่

ฟากเอกชนเล็ง5ลดล่อลูกค้าทั้งลดค่าห้องพัก-อาหาร-สินค้า-บริการ-ขนส่ง

รัฐเอกชน ถกฟื้นท่องเที่ยวหาดใหญ่ ขอรัฐบาลช่วยลดภาษี อัดเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หนุนตลาดไมซ์

นายกฤษฎา บุญราช ผวจ.สงขลา เปิดเผยว่า การฟื้นฟูภาคท่องเที่ยวของหาดใหญ่ ได้ขอรัฐบาลช่วยลดภาษีให้เอกชน เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีโรงเรือน และขอสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ MLR ลบ 0.25% ฟื้นฟูธุรกิจและการท่องเที่ยว

ขณะเดียวกันได้ขอความร่วมมือเอกชนช่วยลด 5 รายการ ได้แก่ ราคาสินค้า ค่าบริการ ค่าอาหาร ค่าเดินทาง และค่าที่พัก 5-7% อาจมีโรงแรม 2-3 ดาว ที่สามารถลด ราคาที่พักได้ถึง 50%

นอกจากนี้ จะเสนอให้รัฐบาลสนับสนุนหน่วยงานรัฐและท้องถิ่นจัดการประชุมสัมมนา (ตลาดไมซ์) ใน จ.สงขลา ให้มากขึ้น และทราบว่าการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรในอีก 2 ครั้งน่าจะมีการจัดประชุมที่ภาคใต้ในจังหวัดฝั่งอ่าวไทย หากจัดประชุมที่สงขลาจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นได้ ส่วนงานส่งเสริมท่องเที่ยวที่เตรียมไว้ยังคงเดินหน้าไม่ยกเลิก

ด้านการวางแผนความปลอดภัย จะแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ ในเส้นทางเข้า 3 อำเภอ คือ อ.เมือง หาดใหญ่ และสะเดา จะมีจุดตรวจรถเข้าอย่างละเอียด พื้นที่ย่านชุมชน เจ้าหน้าที่จะเดินตรวจตราต่อเนื่อง ส่วนพื้นที่จัดงานต่างๆ จะวางแผงเหล็กกั้นและตรวจตราการเข้าออก

“หลังเกิดเหตุระเบิด ยอดจองโรงแรมถูกยกเลิกราว 30% ต่าง ชาติลด 40% แต่ถ้าทำได้ตามแผนที่วางไว้ หาดใหญ่จะฟื้นได้ใน 3 เดือน แต่ปริมาณนักท่องเที่ยวคงลดจาก 2 แสนคน เหลือ 1-1.2 แสนคน รายได้เหลือ 1.2 หมื่นล้านบาท จากที่เคยได้ 1.56 หมื่นล้านบาท” นายกฤษฎา กล่าว

ทั้งนี้ ตัวแทนภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวใน จ.สงขลา ได้ร่วมประชุมหารือกับผู้บริหารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อหาแนวทางในการฟื้นฟูการท่องเที่ยวหลังเหตุระเบิดที่โรงแรมลี การ์เดนส์ โดยได้เสนอให้ ททท.ช่วยประชาสัมพันธ์และจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อฟื้นภาพลักษณ์ให้กับหาดใหญ่ เช่น เชิญสื่อมวลชนและผู้ประกอบการท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาช่วยประสานงาน เพื่อลดค่าฟีแลนดิงเครื่องบินเช่าเหมาลำ ส่วนผู้ประกอบการโรงแรมมีแนวคิดที่จะลดค่าเซอร์วิสชาร์จ รวมถึงการลดค่าห้องพัก เป็นต้น

นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ได้มีการเสนอแนวคิดจะขอกองประกวดนางสาวไทยที่จะจัดเดือน มิ.ย. เข้ามาเก็บตัวนางงามในหาดใหญ่ เพื่อฟื้นการท่องเที่ยวอีกทางหนึ่งด้วย

พร้อมกันนี้ ททท.ยังจะหานักท่องเที่ยวต่างประเทศในตลาดใหม่ๆ เข้ามาเสริม เช่น นักท่องเที่ยวจากอินโดนีเซีย อินเดีย และจีน เป็นต้น เชื่อว่าจะชดเชยนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียและสิงคโปร์ได้