‘สิงห์’เขย่าบุญรอดอินเตอร์

เสริมแกร่งพร้อมลุยตลาดอาเซียนเพิ่มกำลังผลิตรับแผนบุกในนอก

สิงห์เขย่าโครงสร้างธุรกิจต่างประเทศ เตรียมพร้อมรอบด้านรับศึกอาเซียนประชิด พร้อมลุยผลิตเพิ่มสินค้าโรงงานใหม่แห่งที่ 4

นายฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น ในเครือบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ ผู้ทำตลาดผลิตภัณฑ์ตราสิงห์ กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มธุรกิจระหว่างประเทศในเครือบุญรอด หรือบริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ โดยมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งบุคลากรภายในให้เหมาะสมและคล่องตัวยิ่งขึ้นในการบุกตลาดต่างประเทศ

ซึ่ง‘คน'จะเป็นกลยุทธ์หลักในการทำตลาดต่างประเทศ

สำหรับโครงสร้างใหม่ในบริษัทดังกล่าว จะมีนายปิติ ภิรมย์ภักดี ผู้บริหารจากบริษัท สิงห์ฯ เข้าไปมีส่วนร่วมในการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศ และนายฉัตรชัย จะเข้าไปช่วยเสริมในด้านต่างๆ อาทิ การทำแบรนด์และการทำตลาด เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันตามนโยบายของนายสันติ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการบริษัท บุญรอดฯ ตั้งเป้าหมายรุกตลาดเบียร์ในต่างประเทศ โดยเฉพาะภูมิภาคอาเซียน

ขณะเดียวกัน บริษัทเตรียมแผนขยายกำลังการผลิตในโรงงานแห่งที่ 4 จากปัจจุบันมีโรงงานที่สามเสน แต่ยกเลิกสายการผลิตเบียร์ไปแล้ว และอีก 2 แห่ง ที่ขอนแก่น และปทุมธานี ซึ่งโรงงานแห่งใหม่นี้ เพื่อป้อนตลาดทั้งในและต่างประเทศ จากปัจจุบันมีสินค้าไม่พอเพียงจำหน่าย และเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้บริษัทยังไม่มีแผนจัดกิจกรรมการตลาดในรูปแบบใหญ่ในขณะนี้

สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทจะมุ่งให้ความสำคัญในการทำตลาดภายใต้แนวทาง “การใช้หัวใจนำตลาด” ตามนโยบายของผู้บริหารระดับสูงที่มอบไว้ ด้วยการให้ต่อสังคมอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ต่อเนื่องจากช่วงวิกฤตน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา และเตรียมฉลองครบรอบ 80 ปี โดยมีแผนจัดรายการแข่งขันใหญ่จาก 2 สโมสรฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ (อีพีแอล) ในปีหน้าด้วย

จากการที่บริษัทเข้าไปเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการใน 2 สโมสรฟุตบอลอีพีแอล คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเชลซี ตั้งแต่ปี 2553 ที่ผ่านมา ขณะนี้เหลือระยะเวลาอีก 1 ปี ในสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และอีก 2 ปี สำหรับสโมสรเชลซี ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมเจรจาว่าจะต่อสัญญาหรือไม่สำหรับระยะเวลาที่เหลืออยู่ดังกล่าวนั้น บริษัทยังมีสิทธิ์ในการนำทั้ง2สโมสรฯ ไปทำกิจกรรมการตลาดร่วมกับผลิตภัณฑ์ตราสิงห์ได้อีกมาก ซึ่งบริษัทเตรียมแผนตลาดรองรับที่จะต้องสอดคล้องกับจำนวนการผลิตสินค้าที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตด้วย ซึ่งหากมีการจัดกิจกรรมใหญ่ออกมาในขณะนี้ แต่มีผลิตภัณฑ์ไม่เพียงพอก็ถือว่าไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด

ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดเบียร์ 70% เพิ่มขึ้นจากเดิม 68% จากการเข้ากินส่วนแบ่งจากสินค้าเบียร์ยี่ห้ออื่น มีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อน ส่วนตลาดเครื่องดื่มเบียร์คาดว่ามีมูลค่าเชิงปริมาณกว่า 1 แสนล้านบาท มีอัตราการเติบโตคงที่ ทำให้บริษัทวางแผนทำตลาดต่างประเทศเชิงรุก โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่า กัมพูชา และเวียดนาม