‘ดอยคำ’เพิ่มผลิต หนุนเกษตรกรไทย

“ดอยคำ” ทุ่มงบ 400 ล้านบาท เพิ่มกำลังผลิตสินค้าโรงงานหลวงฯ

แห่งที่ 3 เร่งเสริมความรู้เกษตรกรไทยเพิ่มผลผลิตไม่ขึ้นราคาสู้ตลาดต่างประเทศ

นายพิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา กรรมการ บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร เปิดเผยว่า บริษัทใช้งบลงทุนกว่า 400 ล้านบาทในปีก่อน และเริ่มเดินสายการผลิตใหม่เพิ่ม เพื่อผลิตสินค้าเกษตรในโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 3 อ.เต่างอย จ.สกลนคร บนพื้นที่ราว 700-1,000 ไร่ เพื่อแปรรูปสินค้าเกษตรกลุ่มผลไม้อบแห้งต่างๆ จากเกษตรภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ปัจจุบันบริษัทได้ดำเนินการผลิตสินค้าหลัก เช่น เกษตรแปรรูป กลุ่มมะม่วง มะตูม และฝรั่ง เป็นต้น รวมถึงกลุ่มการแปรรูปผลไม้แช่แข็ง เช่น ลูกหม่อน (มัลเบอร์รี) แช่แข็ง การแพ็กข้าวฮาง และการผลิตน้ำผักและผลไม้กระป๋อง เช่น น้ำมะเขือเทศกระป๋อง โดยโรงงานใหม่นี้จะเริ่มผลิตตั้งแต่เดือน มี.ค.นี้เป็นต้นไป

แนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับการช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรไทยในพื้นที่ให้มีความรู้ เพื่อเพิ่มผลผลิตในพื้นที่เพาะปลูกเดิม และให้สามารถทำตลาดได้ในราคาที่แข่งขันได้กับสินค้าเกษตรที่มาจากประเทศจีน

สำหรับผลผลิตมะเขือเทศของไทยในปัจจุบันอยู่ที่ 3-4 ตันต่อไร่ ซึ่งหลังจากที่โครงการหลวงให้ความรู้แก่เกษตรกรแล้ว คาดในปีนี้จะมีผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 6 ตันต่อไร่ ขณะที่ประเทศจีนสามารถผลิตได้ 12-15 ตันต่อไร่

“บริษัทยังให้ความสำคัญในการทำสัญญาการซื้อขายสินค้าเกษตร(คอนเทคฟาร์มมิง)ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นตัวกลางในการรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรไทยให้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น” นายพิพัฒพงศ์ กล่าว

สำหรับปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปีก่อน และหน้าร้อนในปีนี้ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตสินค้าเกษตร จากราคาต้นทุนสินค้าเกษตรในภาพรวมว่าจะมีการขึ้นราคาหรือไม่นั้น ซึ่งขณะนี้การดำเนินงานของโครงการหลวงในปัจจุบันยังคงรับซื้อและช่วยเหลือเกษตรกร โดยยังคงให้ราคาที่เท่าเดิมไม่ได้มีการปรับเพิ่มแต่อย่างไร

ขณะเดียวกันบริษัทยังไม่มีแผนปรับราคาสินค้าพืชผลทางการเกษตร ซึ่งหากมีการปรับราคาขึ้นแล้ว จะทำให้ผลผลิตทางการเกษตรของไทยไม่สามารถแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้ และจะยิ่งเสียเปรียบทางการค้า ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงวิธีการปรับราคาสินค้าขึ้น

“วิธีการที่ดีที่สุดคือควรเร่งดำเนินการเพิ่มผลผลิตในพื้นที่เดิมให้มากที่สุด ที่จะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างแท้จริง” นายพิพัฒพงศ์ กล่าว