เรื่อยๆมาเรียงๆกับ"ปาเจโร"2.4เบนซิน
ลองขับมิตซูบิชิปาเจโร เครื่องเบนซิน 2.4 ลิตร กับค่าตัวไม่ถึงล้านบาทที่น่าสนไม่น้อยเลยทีเดียว
โดย....นิธิ ท้วมประถม
จะว่าไปแล้วตลาดรถยนต์นั่ง PPV หรือรถกระบะดัดแปลงในบ้านเรา ถือว่าได้รับการตอบรับอย่างดีครับ ทั้งนี้เพราะประโยชน์ที่ได้รับจากเจ้าพีพีวีนั้นค่อนข้างจะล้ำเหลือทีเดียว เพราะได้ความทนทานของรถกระบะ ไม่ว่าจะจากเครื่องยนต์ ช่วงล่าง และยังได้ความอเนกประสงค์จากการดัดแปลงภายในให้มีที่นั่งได้มากถึง 7 ที่นั่ง
ทำให้รถ PPV กลายเป็นรถอเนกประสงค์ที่ถูกใจลูกค้าชาวไทยไปโดยปริยาย แต่ที่กลายเป็นจุดด้อยของเจ้าพีพีวีก็คือวงเลี้ยวที่ค่อนข้างกว้าง ทำให้การเลี้ยวเข้า เลี้ยวออก เข้าจอด ทำได้ยากกว่ารถประเภท SUV รวมถึงช่วงล่างที่ค่อนข้างกระด้างใกล้เคียงกับรถกระบะ ทำให้เจ้า PPV นั้นก็ถูกจำกัดกลุ่มลูกค้าไปไม่น้อยเหมือนกัน
แต่ในระยะหลังๆ นี้รถ PPV ถูกปรับปรุงให้เป็นรถบ้านมากขึ้น เน้นการใช้งานในเมือง ลดความกระด้างของช่วงล่างลงไป เห็นได้ชัดๆ จากโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ใหม่ ที่ช่วงล่างนุ่มนวล แม้จะไม่เท่ากับรถยนต์นั่ง แต่ก็ทิ้งห่างจากกระบะ วีโก้ แชมป์ ไม่น้อยทีเดียว
สำหรับรถ PPV ที่ผมลองขับในครั้งนี้เป็นของค่ายมิตซูบิชิ นั่นคือ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์ธรรมดา ที่มิตซูบิชิเพิ่งเปิดตัวลงสู่ตลาดเมื่อไม่นานมานี้
ถือเป็นปาเจโร สปอร์ตรุ่นแรกของมิตซูบิชิที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน เพราะปาเจโร สปอร์ตรุ่นก่อนหน้านี้ ล้วนแล้วแต่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 วีจี เทอร์โบ ที่มิตซูบิชิภูมิใจทั้งสิ้น เมื่อมีเครื่องยนต์ใหม่มาอย่างนี้ ทำให้ผมต้องขอลองเสียหน่อยครับว่าเจ้าเครื่องยนต์เบนซินตัวนี้โดดเด่นอย่างไร
เส้นทางที่ใช้ทดลองขับมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต เบนซินนั้น ทางทีมงานมิตซูบิชิจัดเส้นทางที่ จ.น่าน ผ่านบ่อเกลือไปภูฟ้า ให้ได้ทดลองขับร่วมกับปาเจโร สปอร์ต เครื่องดีเซลใหม่ รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่ติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ พร้อม Sportronic และถ้าเป็นรุ่นท็อป ยังได้เพิ่มระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) ให้อีกด้วย
แต่ผมจะเน้นในตัวเครื่องยนต์เบนซินเป็นหลักครับ เริ่มกันเลยดีกว่าครับว่าการลองขับเจ้าปาเจโร สปอร์ต เบนซิน 2.4 ลิตรตัวนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง
ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ เบนซินนี้ รูปร่างหน้าตาก็เหมือนกับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลครับ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่สวยเท่า ดูดีเหมือนกัน เอาเป็นว่ารูปลักษณ์ภายนอกผ่านได้อย่างสบายๆ สวยอยู่แล้วครับ ดูเป็นรถสำหรับครอบครัวจริงๆ
แต่หากมองในเรื่องของสเปก สิ่งอำนวยความสะดวกภายในของ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ เบนซินนั้น ก็ต้องบอกว่าไม่ค่อยมีอะไรมากมายนัก เพราะถือว่าเป็นรุ่นล่างเหมือนกับรุ่นเครื่องดีเซล 2.5 GLS หรือที่เรียกกันว่ารุ่นประหยัด ซึ่งผมเองมองว่าอุปกรณ์ที่ถูกปรับลดลงไป ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไรมากนัก
ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟหน้าแบบ HID ปรับระดับอัตโนมัตินี้ไม่มีแน่ๆ ไม่มีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบนี้ไม่จำเป็นครับ เวลาจะลงรถเราปิดไฟหน้าเป็นปกติอยู่แล้ว อย่า ขี้เกียจกับเรื่องแค่นี้เลย ไม่มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติ สบายๆ กับระบบนี้ อยากเย็นแค่ไหนหมุนปุ่มเพิ่มความเย็นเข้าไป อุณหภูมิเท่าไหร่ ไม่ต้องไปรู้ เอาเป็นว่าเราและคนนั่งเย็นแล้วเป็นพอ
ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่ติดมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พอเพียงแล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ที่ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ทุกรุ่นติดตั้งช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอน 2 และ 3 มาให้หมดแล้ว วิทยุ-ซีดีสำหรับฟังเพลงมีช่องต่อ AUX และ USB ส่วนจอทีวีนั้นปล่อยให้รุ่นแพงๆ ไป กระจกมองหลังปรับลดแสงสะท้อน กระจกข้างปรับไฟฟ้า แค่นี้ก็พอแล้วครับ
เอาเป็นว่าภายใน ภายนอกของปาเจโร สปอร์ต เครื่องเบนซินนั้นเหลือเฟือสำหรับการใช้งานแล้วครับ ไม่ต้องไปกังวลอะไรเพิ่ม
แต่สิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญคือเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร กับแรงม้า 128 แรงม้า ที่รอบเครื่องยนต์ 5,250 รอบต่อนาที กับแรงบิดสูงสุดที่ 194 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่องยนต์ 4,000 รอบต่อนาที ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีบนเส้นทางถนนหลวงที่ จ.น่าน ซึ่งผมรู้สึกสนุกกับการขับรถเกียร์ธรรมดาแบบนี้อยู่แล้วครับ
การออกตัวในแต่ละเกียร์ไม่มีปัญหา ม้าทั้ง 128 ตัวที่มีอยู่วิ่งได้ดีพอสมควรครับ แต่การเร่งแซงในความเร็วที่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต้องลากรอบจัดหน่อยนะครับถึงจะได้อัตราเร่งที่ต้องการ ตรงจุดนี้ทำให้ผมรู้เลยว่าเจ้าปาเจโร สปอร์ต เครื่องเบนซินนั้นไม่เหมาะที่จะ “ซิ่ง” แบบดุดัน แซงซ้าย มุดขวา เท่าไหร่นัก แต่จะเหมาะกับการขับแบบไปเรื่อยๆ ท่องเที่ยวในแบบครอบครัวนี่เนียนๆ ครับ
ยิ่งถ้าเป็นการเดินทางแบบทางเรียบละก็ ถึงไหนถึงกัน ขับเกียร์ 5 ไหลๆ ไปสบายครับ ไม่มีปัญหา ถ้าอยากเร่ง อยากมุด ก็ต้องเกียร์ 3 กับเกียร์ 4 เป็นหลัก เพราะเกียร์ 5 อัตราเร่งหายครับ ต้องระวังในจุดนี้หน่อย
เมื่อถึงช่วงที่ต้องขึ้นเขา ไต่ไปตามแนวทิวเขาของ จ.น่าน ผมขอขับตามหลังเพื่อนๆ ที่ขับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลดีกว่าครับ เพราะแรงบิดของปาเจโร สปอร์ต เบนซินนั้นน้อยไปนิด เมื่อเทียบกับขนาดรถที่ใหญ่โตอลังการ ทำให้ต้อง “เล่นเกียร์” เวลาขึ้นเขาไม่น้อย
เกียร์ 1-2-3 เป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับการขับขึ้น-ลงเขา ซึ่งหลายคนอาจบอกว่า อ้าวขับรถเกียร์ธรรมดาขึ้นเขาก็ต้องเปลี่ยนเกียร์อย่างนี้แหละ แน่นอนครับถูกต้อง แต่การเปลี่ยนเกียร์สำหรับการขับบนเขากับปาเจโร สปอร์ต เบนซินนั้น บางทีต้องเปลี่ยนเกียร์กลางทางขึ้นเขาอยู่บ่อยๆ
ต้องใช้เกียร์ต่ำแล้วลากรอบเครื่องไปเรื่อยๆ ครับ เมื่อเป็นอย่างนั้นอย่าหวังว่าจะไปได้เร็วในช่วงทางขึ้นเขา ปล่อยให้รถ กระบะเครื่องดีเซลแซงไปได้เลย เราได้แต่มองไฟท้ายเขาก็พอครับ ส่วนของเราไปแบบเรื่อยๆ ดีกว่าปลอดภัยด้วย
สรุปได้ว่า ปาเจโร สปอร์ต เบนซินนั้นเหมาะสำหรับการใช้งานแบบธรรมดาๆ ครับ ขับในเมืองชิล ชิล ไปต่างจังหวัดได้ไม่ต้องห่วง แต่หากต้องขึ้นเขาชันๆ แบบดอย อินทนนท์ แม่สะเรียง แม่ฮ่องสอน ก็ไปได้ครับ แต่ต้องเผื่อเวลาหน่อยแล้วกัน จะไปเร่งทำเวลาไม่ได้
ระบบช่วงล่างเหมาะกับการนั่งโดยสาร ไม่มีกระเด้งกระดอนให้ผู้โดยสารต้องหงุดหงิด นั่งสบายครับ ทั้งที่นั่งตอน 2 และที่นั่งตอน 3 แอร์เย็นฉ่ำทั้งคันแน่นอน เพราะมีช่องแอร์ตอน 2 และตอน 3 แล้ว
ส่วนตัวแล้ว ผมมองว่ามิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ตนี้ เปิดตัวขึ้นมาเพื่อเข้ามาเจาะตลาดองค์กร หน่วยงานที่มีคนขับรถ และกลุ่มลูกค้าทั่วไปที่ซื้อแล้วเอาไปดัดแปลงติดตั้งแก๊ส ไม่ว่าจะเป็นซีเอ็นจี หรือแอลพีจี ก็แล้วแต่ต้องการ และที่สำคัญ คือใช้งานแบบขับไปเรื่อยๆ ในเมือง ไม่เน้นขึ้นเขา ลงห้วย หรือสมบุก สมบัน มากนัก
เพราะสนนราคาแค่ 9.15 แสนบาทฃถือว่าคุ้มค่าพอตัวแล้วครับ


