เซเว่นฯมุ่งศึกษาทวิภาคี ทุ่ม5,000ล้านลงทุนปีนี้
ปีนี้ ท่านประธาน ธนินท์ (เจียรวนนท์) มีนโยบายให้ความสำคัญกับการศึกษา
โดย...เบ็ญจวรรณ รัตนวิจิตร
“ปีนี้ ท่านประธาน ธนินท์ (เจียรวนนท์) มีนโยบายให้ความสำคัญกับการศึกษา โดยเฉพาะการศึกษาแบบทวิภาคี เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย ถือเป็นการพัฒนาแรงงานให้มีศักยภาพ ทำให้แรงงานในประเทศไทยมีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้น และสามารถแข่งขันได้” ปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ ผู้บริหารร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ให้สัมภาษณ์ทิศทางธุรกิจของบริษัทฯในงานบีโอไอแฟร์ 2011
บริษัท ซีพี ออลล์ ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ซึ่งเป็นบริษัทลูก ได้น้อมรับนโยบายดังกล่าวมาดำเนินการ โดยที่ผ่านมาด้วยนโยบายการให้การศึกษาแบบทวิภาคีผ่านโรงเรียนและสถาบันปัญญาภิวัฒน์ ซึ่งแรงงานที่จบมาได้ค่าตอบแทนไม่ต่างจากบริษัทหรือองค์กรชั้นนำในเมืองไทย
สำหรับปีนี้บริษัทมีแผนจะขยายจำนวนนักศึกษาแบบทวิภาคีเพิ่มขึ้นอีก 4,000 คน แบ่งเป็นระดับ ปวช. 3,000 คน และปริญญาตรีและปริญญาโทอีก 1,000 คน ซึ่งรับประกันได้ว่านักศึกษาที่จบออกมามีงานทำ 100%
นอกจากนี้ ยังมีแผนจะเปิดสถาบันจัดการปัญญาภิวัฒน์เพิ่มเป็น 100 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่ 37 แห่ง เพื่อรองรับการขยายสาขาร้านเซเว่นอีเลฟเว่นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการประเมินตัวเลขเงินลงทุนดังกล่าว
แนวทางดังกล่าวถือเป็นการพัฒนาศักยภาพแรงงานรองรับการเปิดเสรีการค้าในภูมิภาคอาเซียน หรือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ทำให้แรงงานมีคุณภาพมากขึ้น เพราะเป็นการสร้างองค์ความรู้แบบใหม่ที่ได้จากการทำงานจริงและหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ บวกกับประสบการณ์การทำงาน
ขณะเดียวกัน บริษัทยังส่งเสริมให้แรงงานเหล่านี้เป็นเจ้าของกิจการ ด้วยการเป็นแฟรนไชส์ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในอนาคตอีกด้วย
“อยากให้ห้างร้าน อุตสาหกรรมต่างๆ หันมาใช้โมเดลแบบทวิภาคีของเซเว่นอีเลฟเว่นในการพัฒนาแรงงานให้ก้าวขึ้นสู่อีกระดับหนึ่ง ไม่ใช่แรงงานเพียวๆ ถือเป็นการสร้างคน สร้างบุคลากรขึ้นมาช่วยพัฒนาประเทศ และเศรษฐกิจไทยจะเจริญก้าวหน้าต่อไปได้” ปิยะวัฒน์ กล่าว
ด้านแผนการลงทุนของซีพี ออลล์ ในปีนี้จะใช้งบประมาณราว 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุนขยายสาขาร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเพิ่ม 500 สาขา ใช้งบลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท งบสำหรับปรับปรุงร้านใหม่ที่เปิดให้บริการมานาน 6 ปีขึ้นไป อีก 1,000 ล้านบาท งบลงทุนศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ ซึ่งถือเป็นขนาดใหญ่ในภูมิภาคตะวันออก อีก 1,000 ล้านบาท
งบที่เหลืออีก 1,000 ล้านบาท เป็นงบลงทุนด้านไอทีและการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตามคอนเซปต์ของเซเว่นอีเลฟเว่นที่มุ่งสู่การเป็นร้านอิ่มสะดวก
แนวทางการพัฒนาธุรกิจใหม่ของซีพี ออลล์ ยังคงมุ่งเน้นในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่มีอัตราการเติบโตที่ดี อย่างปีที่ผ่านมาเน้นพัฒนาสินค้าแช่เย็น ปรากฏว่ามียอดขายดีมากกว่ากลุ่มสินค้าแช่แข็งภายใต้แบรนด์ “อีซี่ โก” ที่พัฒนามาก่อนหน้านี้ถึง 2 เท่า ซึ่งในปีนี้จะมุ่งขยายในส่วนของธุรกิจเบเกอรีและกาแฟ รวมทั้งผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และร้านบุ๊กสไมล์ที่ยังขยายสาขาต่อเนื่อง เน้นในเขต กทม.และปริมณฑลเป็นหลัก
สำหรับการเปิดศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ เป็นการขยายตัวตามธุรกิจของร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่ขยายไป รวมทั้งเป็นแผนรองรับหากเกิดสถานการณ์น้ำท่วม โดยตั้งแต่ปลายปี 2555-ต้นปี 2556 บริษัทมีแผนจะเปิดศูนย์กระจายสินค้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่มเติม
ปัจจุบันบริษัทมีศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่ที่ กทม. 2 แห่ง และศูนย์กระจายสินค้าย่อยๆ ที่เปิดเพิ่มในช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมาอีก 4-5 แห่ง ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด อาทิ ลำปาง และสุราษฎร์ธานี เป็นต้น
ปิยะวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับปีที่ผ่านมาจากผลกระทบจากน้ำท่วม ทำให้ยอดขายลดลงจากเป้าหมายประมาณ 1-2% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 14-15% ก็เติบโตได้ 12-13% สำหรับปีนี้บริษัทยังวางเป้าหมายการเติบโตใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา คือ 1415% ซึ่งเป็นการเติบโตจากร้านเดิม 5% ที่เหลือเป็นการเติบโตจากการขยายสาขาและธุรกิจใหม่
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ยังมองว่ามีปัจจัยบวกต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเติบโตจากกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เชื่อว่าจะกลับมาดีขึ้น
“อย่างช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ร้านเซเว่นฯ สามารถทำยอดขายได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แม้จะมีสาขาได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมถึง 700 สาขา และเชื่อว่าภายในไตรมาส 2 และ 3 สภาวะกำลังซื้อจะกลับเข้าสู่ปกติ รวมทั้งราคาสินค้าก็เช่นเดียวกัน เพราะการแข่งขันที่สูงขึ้น” ปิยะวัฒน์ กล่าว


