แรงงานไทยเฮ! ฐานเงินเดือนใหม่ แต่ดันต้นทุนผลิตปี'55 พุ่ง-ของแพง
อีกหนึ่งนโยบายประชานิยมของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่เตรียมแผนปรับเงินเดือนระดับปริญญาตรีอัตราใหม่ 1.5 หมื่นบาท
อีกหนึ่งนโยบายประชานิยมของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่เตรียมแผนปรับเงินเดือนระดับปริญญาตรีอัตราใหม่ 1.5 หมื่นบาท
มีผลเดือน เม.ย. 2555 ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อตลาดแรงงานในประเทศไทย
ธิดารัตน์ กาญจนวัฒน์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย กลุ่มบริษัท อเด็คโก้ ประเทศไทย ที่ปรึกษาให้คำแนะนำเกี่ยวกับงานทรัพยากรบุคคล กล่าวว่า ในปี 2555 จะเป็นปีที่น่าสนใจ ในการจับตาโครงสร้างฐานเงินเดือน จากปัจจัยการปรับค่าแรงงานอัตราใหม่ 1.5 หมื่นบาทต่อเดือน สำหรับผู้จบปริญญาตรี ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อโครงสร้างฐานเงินเดือนขององค์กรในลักษณะขั้นลำดับ (เลเวล) ต่างๆ ซึ่งจะยังเป็น “ไฮไลต์” ในตลาดแรงงานไทยในปีหน้า โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานที่มีประสบการณ์ 5 ปีขึ้นไป ในสายอาชีพ การเงิน (ไฟแนนซ์) พนักงานขาย (เซลส์) นักธุรกิจวิศวกร (บิสซิเนสเอ็นจิเนียริง) จากฐานเงินเดือนระดับล่างที่ถูกปรับอัตราใหม่
อย่างไรก็ตาม จากนโยบายดังกล่าวยังต้องดูความชัดเจนว่าจะถูกรวมไปอยู่ในเงินเดือนพร้อมค่าคอมมิชชันในอัตรารวม 1.5หมื่นบาทหรือไม่ เนื่องจากต้นทุนเงินเดือนที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นมีผลต่อต้นทุนการผลิต ซึ่งแต่ละองค์กร โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค (คอนซูเมอร์ โปรดักส์) อาจได้รับผลกระทบกับงบประมาณในปี 2555 ซึ่งอาจจะมีการปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นอีก เพื่อให้สอดรับกับต้นทุนจากค่าจ้างอัตราใหม่ในเดือน เม.ย.ปีหน้า ที่ถูกกำหนดเป็นกฎหมายซึ่งผู้ประกอบการไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ขณะที่ในปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัท อเด็คโก้ฯ พบว่า ตลาดแรงงานไทยมีอัตราเติบโตสูงถึง 20% และในตลาดเอเชีย เติบโต 40% โดยตำแหน่งงานที่ยังขาดตลาดและเป็นที่ต้องการสูง อาทิ พนักงานขายที่มีทักษะ นักบัญชี นักการเงิน (แอกเคานต์ไฟแนนเชียล) ซึ่งเป็นแนวโน้มเดียวกับความต้องการแรงงานในตลาดภูมิภาคอาเซียน เช่น สิงคโปร์ และมาเลเซีย
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจในปีหน้านั้น คาดว่าจีดีพีของไทยจะกลับมาเติบโตได้ที่ 4.55.5% จากปีนี้ตกลงมาอยู่ที่ 1.5%ต่ำสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ภายหลังจากประเทศไทยประสบอุทกภัยใหญ่ เนื่องจากไทยถือเป้นฐานการผลิตสำคัญในด้านของชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ และชิ้นส่วนรถยนต์ เพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก เมื่อเกิดปัญหาดังกล่าวจึงทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจของโลกหยุดชะงักไปด้วย
ในปี 2554 ถือเป็นปีที่ตลาดแรงงานมีความตื่นตัวมากในประเทศไทย และยังแฝงด้วยความท้าท้ายในหลายแง่มุมอีกด้วย ทำให้ในปีนี้ตลาดแรงงานเกิดตำแหน่งงานใหม่ พร้อมการจ้างงานในตำแหน่งต่างๆ เพิ่มมากขึ้น และเพื่อการย่างเข้าสู่ปี 2555 อย่างมั่นคง ฝ่ายทรัพยากรบุคคลขององค์กรต่างๆ ยังคงมุ่งมั่นในการมองหา “คนที่ใช่” ให้กับองค์กร และในทางตรงกันข้ามทางผู้สมัครก็มองหางานที่ตอบโจทย์ความต้องการในการทำงานเช่นกัน
พร้อมกันนี้ กลุ่มบริษัท อเด็คโก้ ประเทศไทย เปิดผลสำรวจบริษัทในฝันของคนทำงานในประเทศไทย พร้อมปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลกระทบ และสามารถทำให้เกิดงานที่มีประสิทธิภาพสูงและทำงานอย่างมีความสุข
จากแบบสอบถามในกลุ่มเป้าหมายตัวอย่าง 2,209 คน แบ่งเป็นสัดส่วน 58% เป็นผู้หญิง และจบการศึกษาระดับปริญญาตรีสัดส่วน 53% และ 41% ในระดับปริญญาโท มีอายุระหว่าง 2530ปี สัดส่วน33% ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์การทำงาน10ปีขึ้นไป 36% และ 25% มีประสบการณ์ทำงาน 03ปี โดยเป็นกลุ่มผู้มีเงินเดือน1หมื่นบาท3หมื่นบาทต่อเดือน 38% และ 26% มีฐานเงินเดือน 3หมื่น5หมื่นบาท ต่อเดือน
ในการสำรวจระบุว่า ระยะเวลาทำงานโดยเฉลี่นในการทำงานกับบริษัทหนึ่งๆ ของกลุ่มคนส่วนใหญ่ไม่เกิน 5ปี คิดเป็นสัดส่วนสูงสุด 38% รองลงมา คือ มากกว่า5ปี สัดส่วน 34% และมีเพียง1% ให้ความเห็นว่าทำงานโดยเฉลี่ยเป็นเวลานาน1ปี ซึ่งมีปัจจัยผันแปรตรงระหว่างกลุ่มคนทำงานกับระยะเวลาในการทำงาน ขึ้นอยู่กับเนื้องานและผลตอบแทน
ปัจจัยที่ส่งเสริมให้ทำงานได้อย่างมีความสุขที่สุด ซึ่งกลุ่มคนทำงานส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า บรรยากาศในการทำงาน 48% เป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้ทำงานได้อย่างมีความสุข รองลงมาคือ เพื่อนร่วมงาน 35% และน้อยกว่า 3% คือ หัวหน้างาน และวัฒนธรรมนโยบายองค์กร ขณะที่ปัจจัยที่ส่งเสริมให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด กว่า 37% คือลักษณะงาน เพื่อร่วมงาน 33% ซึ่งเป็น 2 ปัจจัยหลักที่ช่วยส่งเสริมให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ผลตอบแทน 7% เป็นปัจจัยรองลงมา
ขณะที่เรื่องของบรรยากาศในการทำงานที่ต้องการมากที่สุด พบว่า กว่า 45% ต้องการอิสระในการทำงาน และ 40% ต้องการความเป็นกันเอง และความร่วมมือในการทำงาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่เปลี่ยนไปและความคาดหวังของกลุ่มคนเจเนอเรชันวาย (Gen Y) ในที่ทำงาน
นอกจากนี้ ผลการสำรวจยังระบุว่า ลักษณะบริษัทที่คนทำงานต้องการไปทำงานด้วยมากที่สุด พบว่า กลุ่มคนทำงานส่วนใหญ่สนใจบริษัทข้ามชาติ 70% รองลงมาคือ บริษัทคนไทยขนาดใหญ่ 14% รัฐวิสาหกิจ 12% โดยมีปัจจัยที่กลุ่มคนทำงานส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ คือ ชื่อเสียงขององค์กร ในการเลือกสมัครงานมากที่สุด 43% รองลงมาคือ วัฒนธรรมองค์กร 30% ถัดไปคือ ขนาดบริษัท 13% เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัทยังได้สำรวจในหัวข้อ คนทำงานที่ “ใช่” สำหรับองค์กรในเมืองไทย จาก 182 องค์กรต่างๆ ในเมืองไทย พบว่า องค์กรต่างๆ มุ่งมั่นในการวางแผนเพื่อที่จะก้าวสู่ความสำเร็จ เริ่มต้นด้วยการมองหาคนที่ใช่ ให้มาทำงานร่วมกับองค์กร และต้องการให้พนักงานทำงานให้นานที่สุด โดยพบว่า บริษัทต่างๆ จะเลือกคนทำงานจากความรู้ความสามารถเป็นหลัก สูงถึง 50% และรองลงมา 33% จะเลือกรับคนทำงานจากทัศนคติที่มีต่อการทำงาน และ 12% คือความเข้ากันได้กับวัฒนธรรมองค์กร
ส่วนความเห็นเรื่องการเสนอเงินเดือนสำหรับการรับพนักงานใหม่ พบว่า 93%เชื่อว่าในปี 2555 สามารถเสนอให้ 510% และมีเพียงแค่ 6% ที่ให้ความเห็นว่าสามารถเพิ่มขึ้นได้ 10% ขณะที่ปัจจัยที่ส่งผลให้พนักงานทำงานได้อย่างมีความสุข บรรยากาศ 64% เพื่อนร่วมงาน 22% มีเพียงแค่ 7% เชื่อว่าเงินเดือนและผลตอบแทนเป็นปัจจัยให้ทำงานมีความสุข


