เครือฤทธาดัมพ์ถูกกว่าคู่แข่ง

ไซมิสฯชูคุมต้นทุนกันน้ำท่วมสั่งลุย3โครงการมูลค่า6พันล.

ไซมิส แอสเสท บุกตลาดอสังหาฯ หรู ชูจุดขายถูกกว่าคู่แข่งในแต่ละทำเล 3040% พร้อม วางแผนป้องกันน้ำท่วมหนัก

นายขจร แซ่เอ็ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซมิส แอสเสท ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในเครือฤทธา บริษัทรับเหมาก่อสร้าง เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการอสังหาฯ อย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมเปิดตัว 3 โครงการใหม่มูลค่ารวมกันกว่า 6,000 ล้านบาท

ล่าสุด ได้เปิดตัวโครงการไซมิส เทอร์ตี้ไนน์ คอนโดมิเนียม สูง 7 ชั้น ราคา 4.112.9 ล้านบาท จำนวน 87 ยูนิต ราคา 8.95 หมื่นบาท มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท โดยชูจุดขายราคาต่ำกว่าโครงการระดับไฮเอนด์ ด้วยกัน 3040% เนื่องจากก่อสร้างโดยบริษัทรับเหมาก่อสร้างในเครือทำให้ควบคุมต้นทุนการก่อสร้างได้ดีกว่า

“โครงการไซมิส เทอร์ตี้ไนน์ คอนโดมิเนียม อยู่กลางซอยสุขุมวิท 39 จะเปิดขายในวันที่ 26 พ.ย.นี้ คาดสามารถปิดการขายได้ภายในวันเดียว เนื่องจากเปิดให้ผู้สนใจลงทะเบียนไว้ล่วงหน้า อีกทั้งโครงการนี้ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจที่ไม่ประสบปัญหาน้ำท่วม และได้ออกแบบเพื่อป้องกันน้ำท่วมไว้อย่างดี” นายขจร กล่าว

สำหรับแผนการพัฒนาโครงการในปี 2555 นั้น เตรียมพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ตั้งอยู่บริเวณปากซอยราชครู ถนนพหลโยธิน เป็นโครงการสูง 27 ชั้น มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท จำนวน 300 ยูนิต เป็นห้องชุดขนาดเริ่มต้น 31 ตร.ม. ราคาขาย 9 หมื่นบาท ต่อตร.ม. หรือมีราคาเริ่มต้น 2.9 ล้านบาท ตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ให้ครบ

นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างวางแผนพัฒนาโครงการบริเวณรามอินทรา กม.10 ใกล้กับศูนย์การค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์ โดยเป็นทาวน์เฮาส์ โฮมออฟฟิศ และคอนโด มิเนียม บนเนื้อที่ 60 ไร่ ในเบื้องต้นจะพัฒนาทาวน์เฮาส์ 2 ชั้นครึ่ง3 ชั้น 400 ยูนิต มีสวนด้านหลังทุกยูนิต และโครงการคอนโดฯ ขนาดเริ่มต้น 35 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.5 ล้านบาท

ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงการไซมิส จอยญ่า ในซอยสุขุมวิท 31 จำนวน 168 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ล่าสุดก่อสร้างคืบหน้าแล้ว 40% จะแล้วเสร็จเดือน ก.ค.ปี 2555

ขณะที่แผนงานในระยะยาว ตั้งเป้า 10 ปี จะพัฒนาโครงการอสังหาฯ มูลค่าโครงการรวม 1 หมื่นล้านบาท แต่ปัจจุบันพัฒนามาได้ 2 ปี มูลค่าโครงการรวม 5,000-6,000 ล้านบาทแล้ว ซึ่งถือว่าเติบโตเร็วกว่าแผนที่ได้วางไว้

ด้านบริษัท ฤทธา ผู้รับเหมาก่อ สร้างนั้น ขณะนี้ได้รับการติดต่อจากผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม แล้ว ขณะที่แรงงานก่อสร้างยังขาดแคลน ต้องพึ่งระบบก่อสร้างสำเร็จรูปมากขึ้น