“ปิ่นโต” รถมอเตอร์ไซค์ EV เปิดโอกาสวินมอเตอร์ไซค์เช่าซื้อ รับส่งผู้โดยสารตามแนว BTS
ในยุคที่เศรษฐกิจผันผวน ทำงานประจำอย่างเดียวอาจไม่พอค่าปากท้อง “วินมอเตอร์ไซค์” ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกการหารายได้เสริมที่ตอบโจทย์สำหรับใครหลายคน บริการเช่ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า “ปิ่นโต” จึงเกิดขึ้น เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะ โดยไม่ก่อมลพิษบนท้องถนนเพิ่มเติม
ท่ามกลางความวุ่นวายของมหานครกรุงเทพฯ การเดินทางเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนชีวิตผู้คน ซึ่งหนึ่งในตัวเลือกของการเดินทางที่ได้รับความนิยมในยุคที่การจราจรติดขัดเป็นส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้น "วินมอเตอร์ไซค์" บริการรับส่งที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดฝอย แทรกซึมไปทุกซอกทุกมุมในเมืองรสนิยมวิไล
ด้วยความคล่องตัวของมอเตอร์ไซค์ที่สามารถลัดเลาะไปตามซอยแคบๆ หรือการจราจรที่ติดขัด ช่วยให้ผู้โดยสารไปถึงจุดหมายปลายทางได้รวดเร็วกว่ารถยนต์หรือรถสาธารณะ รวมถึงผู้ขับขี่วินมอเตอร์ไซค์ส่วนใหญ่ยังเป็นคนในพื้นที่ มีความคุ้นเคยกับเส้นทาง สามารถแนะนำข้อมูลในการเดินทางกับผู้โดยสารได้
ขณะที่นอกเหนือจากมุมของผู้โดยสาร อาชีพ "วินมอเตอร์ไซค์" ยังช่วยให้คนหาเช้ากินค่ำอีกจำนวนมากมีรายได้เกื้อหนุนปากท้องและครอบครัว แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังมีปัญหาบางประการที่ส่งผลกระทบต่อทั้งตัวผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และสังคมโดยรวม ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข เช่น ปัญหาความปลอดภัย ปัญหามลพิษไม่ว่าจะทางอากาศหรือเสียง และปัญหาการเรียกเก็บค่าโดยสารเกินราคา ซึ่งการพัฒนาวินมอเตอร์ไซค์ให้มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จะส่งผลดีต่อทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รวมถึงยกระดับให้วินมอเตอร์ไซค์เป็นตัวเลือกของการคมนาคมที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Pinto ยกระดับคุณภาพวินมอเตอร์ไซค์
ช่วงต้นปี 67 ที่ผ่านมา โครงการรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Pinto (ปิ่นโต) โดยบริษัท Smart EV Bike บริษัทร่วมทุนของบริษัท Winnonie สตาร์ทอัพในกลุ่มบริษัทบางจาก ได้เดินหน้าจับมือกับ BTS ในการเปิดให้บริการเช่าซื้อ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับผู้ที่ต้องการประกอบอาชีพ ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง (วินมอเตอร์ไซค์) ในบริเวณใกล้เคียงสถานีรถไฟฟ้า BTS ที่มาพร้อมบริการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ผ่านเครือข่ายสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่อัตโนมัติ เพื่อสร้างบริการขนส่งสาธารณะระบบรอง หรือ Feeder ที่สะดวก ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะ
ราคาเช่ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Pinto สำหรับผู้ที่ต้องประกอบอาชีพวินมอเตอร์ไซค์ เริ่มต้นจะอยู่ที่ 140 บาท/วัน หรือ 4,200 บาท/เดือน ซึ่งจะมีค่ามัดจำก่อนรับรถที่ 1,000 บาท ส่วนการชำระค่าเช่า สามารถแบ่งจ่ายเป็นรายวันได้ผ่าน Winnonie App เพื่อแบ่งเบาค่าใช้จ่ายก่อนถึงกำหนดวันครบชำระ
นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าน้ำมันอีกต่อไปเนื่องจากเป็นยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 80 กิโลเมตร /ชั่วโมง ระยะทางการขับขี่ 80 - 120 กิโลเมตรต่อการเปลี่ยนแบต 1 ครั้ง ซึ่งผู้เช่าซื้อสามารถเปลี่ยนแบตได้ฟรีไม่จำกัดตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่บริการ 6 สถานีตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว ไม่ต้องจ่ายค่าซ่อมบำรุง ขณะที่สถานีสับเปลี่ยนเเบตทั่วกรุงเทพและปริมณฑลมีมากกว่า 100 สถานี
ทางด้านนายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก ยังได้ให้ความเห็นต่อการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยว่า
“การใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยมีโอกาสเติบโตอีกมาก หากได้รับการสนับสนุนและผลักดันจากหน่วยงานภาครัฐในประเด็นต่าง ๆ อาทิ การสนับสนุนค่าพลังงานไฟฟ้าในราคาพิเศษสำหรับสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ การจัดตั้งหน่วยงานกลางแบบ One Stop Service ในการขออนุมัติการติดตั้งมิเตอร์ หรือ การพิจารณากฏหมาย เช่น กฎหมายขนส่ง การจดทะเบียนป้ายเหลือง การจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า กฏหมายเกี่ยวกับวินเพื่อรองรับการขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถไฟฟ้า รวมถึงการสนับสนุนการขึ้นทะเบียนและการทำ Carbon Credit Certificate และมาตรการสนับสนุนอื่นๆ อาทิ การทำประกันภัยสำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า การให้ใช้พื้นที่หน่วยงานภาครัฐหรือกรุงเทพมหานคร เพื่อทำจุดติดตั้งสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ โดยไม่คิดค่าเช่าพื้นที่หรือในอัตราพิเศษ”
สรุปสถานการณ์ยานยนต์ไฟฟ้าในไทย
สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย Electric Vehicle Association of Thailand - EVAT ได้สรุปสถานการณ์ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนมกราคม - ธันวาคม 2566 ซึ่งพบว่าในปี 2566 รถยนต์ไฟฟ้า BEV มียอดจดทะเบียนจำนวน 76,366 คัน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 9,678 คัน ขณะที่ยอดจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้า BEV รวมทุกประเภท ตั้งแต่เดือนมกราคม - ธันวาคม 2566 มีการจดทะเบียนใหม่ทั้งสิ้น 100,219 คัน เติบโต 380% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 20,816 คัน
ประเภทยานยนต์ไฟฟ้า BEV ในการจดทะเบียนใหม่ในปี 2566
- รถยนต์ไฟฟ้า BEV : 76,366 คัน
- รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า BEV : 21,927 คัน
- รถโดยสารไฟฟ้า BEV : 1,218 คัน
- รถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า BEV : 432 คัน
- รถบรรทุกไฟฟ้า BEV : 276 คัน
ยอดจดทะเบียนสะสม ในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า BEV มียอดเพิ่มขึ้นจาก 32,081 คัน ในปี 2565 เป็น 131,856 คัน ในปี 2566 เติบโต 311 % โดยยอดสะสมในกลุ่มนี้เติบโตในทุกประเภท โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
รถยนต์ไฟฟ้า BEV เติบโต 552 %
ปี 2565 ยอดจดทะเบียนสะสม 13,805 คัน
ปี 2566 ยอดจดทะเบียนสะสม 90,022 คัน
รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า BEV เติบโต 131 %
ปี 2565 ยอดจดทะเบียนสะสม 16,540 คัน
ปี 2566 ยอดจดทะเบียนสะสม 38,211 คัน
รถโดยสารไฟฟ้า BEV เติบโต 99 %
ปี 2565 ยอดจดทะเบียนสะสม 1,212 คัน
ปี 2565 ยอดจดทะเบียนสะสม 2,419 คัน
รถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า BEV เติบโต 80 %
ปี 2565 ยอดจดทะเบียนสะสม 498 คัน
ปี 2565 ยอดจดทะเบียนสะสม 901 คัน
รถบรรทุกไฟฟ้า BEV เติบโต 1,065 %
ปี 2565 ยอดจดทะเบียนสะสม 26 คัน
ปี 2565 ยอดจดทะเบียนสะสม 303 คัน
ทั้งนี้ ยังมีแนวโน้มว่าตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในปี 2567 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า หรือจักรยานยนต์ไฟฟ้า จากพฤติกรรมคนไทยที่เปิดรับรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดและนโยบายการสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม ทั้งภาครัฐและเอกชนต่างต้องร่วมมือกันในการผลักดันการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องผ่านนโยบายและสิทธิพิเศษต่าง ๆ การขยายสถานีชาร์จไฟฟ้าให้เพียงพอต่อการเพิ่มขึ้นของจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน การทำงานร่วมกันเกี่ยวกับข้อกังวลต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้รถยนต์ไฟฟ้า การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีอันทันสมัยที่สามารถวิ่งได้ระยะทางมากขึ้นต่อการชาร์จหนึ่งครั้งเพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่ รวมถึงการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าและส่วนประกอบสำคัญอย่างเช่น แบตเตอรี่ ให้มากยิ่งขึ้น


