STAR 50 สมรภูมิ "Hardcore Tech" และหัวใจสำคัญของยุทธศาสตร์การพึ่งพาตนเองของจีน

ในยุคที่เทคโนโลยีกลายเป็นตัวกำหนดอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองโลก ข้อมูลจากทีม Global Investing หลักทรัพย์บัวหลวง ระบุว่าจีนได้วางหมากสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยีผ่านกระดาน STAR ของตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ โดยมีดัชนี STAR 50 เป็นตัวแทนของ 50 บริษัทเทคโนโลยีที่มีนวัตกรรมสูงสุดและมีอิทธิพลต่อยุทธศาสตร์ชาติจีนมากที่สุด 

"Hardcore Tech" และการพึ่งพาตนเอง (Self-reliance) จุดขายที่โดดเด่นที่สุดของ STAR 50 คือการเป็นแหล่งรวมบริษัทกลุ่ม "Hardcore Tech" หรือเทคโนโลยีที่เป็นแกนหลักและยากต่อการลอกเลียนแบบ

ดัชนีนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นฟันเฟืองหลักในนโยบาย Self-reliance หรือการพึ่งพาตนเองของจีน เพื่อลดการพึ่งพิงเทคโนโลยีจากต่างประเทศในสภาวะที่ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์โลกทวีความรุนแรงขึ้น บริษัทในดัชนีนี้จึงเป็นผู้รับประโยชน์โดยตรงจากนโยบายสนับสนุนของภาครัฐอย่างเต็มตัว

สมรภูมิ "ชิป" และจุดเปลี่ยนสู่ AI Compute หัวใจหลักของ STAR 50 อยู่ที่กลุ่มอุตสาหกรรม Semiconductor และฮาร์ดแวร์ขั้นสูง ซึ่งกำลังเผชิญกับจุดเปลี่ยนสำคัญจากนโยบาย Domestic Substitution หรือการเปลี่ยนมาใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศแทนการนำเข้า

สิ่งนี้ทำให้บริษัทชิปในดัชนีมีตลาดรองรับที่ชัดเจนและมหาศาลภายในประเทศ ส่งผลให้หลายบริษัทเริ่มก้าวเข้าสู่ภาวะที่มีกำไรอย่างต่อเนื่องจากการเติบโตของอุปสงค์ภายในประเทศ

นอกจากนี้ทีม Global Investing หลักทรัพย์บัวหลวง ระบุว่าดัชนี STAR 50 กำลังยกระดับโครงสร้างจากการเป็นเพียงแหล่งผลิตฮาร์ดแวร์และอุตสาหกรรมการผลิตขั้นสูง ไปสู่การเป็นศูนย์กลางของ AI Compute Ecosystem ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ในอนาคต ทำให้การลงทุนใน STAR 50 คือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญาของจีนอย่างแท้จริง

จับตา "เลือดใหม่" และโอกาสจากการ IPO ความร้อนแรงของ STAR 50 ยังถูกขับเคลื่อนด้วยกระแสการ IPO ของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ ล่าสุดการเข้ามาของยักษ์ใหญ่ผู้พัฒนาชิป GPU อย่าง MetaX และ Moore Threads ได้สร้างปรากฏการณ์ยอดจองซื้อสูงเป็นประวัติการณ์ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อกลุ่มเทคโนโลยี AI บนกระดาน STAR

หากบริษัทเหล่านี้สามารถรักษาขนาด Market Cap ไว้ได้ตามเกณฑ์ ก็มีโอกาสสูงที่จะถูกคัดเลือกเข้าดัชนี STAR 50 แบบ Fast-track ภายในช่วงต้นปี 2569 การเข้ามาของบริษัทระดับหัวกะทิเหล่านี้จะช่วยเพิ่มน้ำหนักธีม AI และ Semiconductor ให้เข้มข้นขึ้น และเป็นแรงส่งสำคัญต่อผลตอบแทนของดัชนีในระยะยาว

แม้ในระยะสั้นระดับ Valuation หรือมูลค่าอาจจะดูตึงตัวบ้าง แต่หากมองในมุมของยุทธศาสตร์ชาติและการกระจายความเสี่ยง STAR 50 ถือว่ามีการกระจายตัวที่ดี โดยหุ้น 5 อันดับแรกมีสัดส่วนรวมกันราว 38.8% ทำให้ไม่เกิดความกระจุกตัวในหุ้นตัวใดตัวหนึ่งมากเกินไป

สำหรับนักลงทุนไทยที่ต้องการเกาะกระแสการเติบโตของนวัตกรรมที่เป็นอนาคตของจีน สามารถเข้าถึงโอกาสนี้ได้สะดวกผ่าน DR STAR5001.