posttoday

รัฐเดินหน้าสมาร์ทฟาร์เมอร์

13 พฤษภาคม 2560

รัฐบาลขับเคลื่อนศูนย์เรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร 882 แห่ง เปลี่ยนเป็นสมาร์ทฟาร์เมอร์ ใช้ แอพ OAE RCMO

รัฐบาลขับเคลื่อนศูนย์เรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร 882 แห่ง เปลี่ยนเป็นสมาร์ทฟาร์เมอร์ ใช้ แอพ OAE RCMO ให้ข้อมูลรัฐบาลเดินหน้าขับเคลื่อนศูนย์เรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร 882 แห่ง เปลี่ยนเกษตรกรดั้งเดิมเป็นสมาร์ทฟาร์เมอร์ พร้อมใช้แอพพลิเคชั่น OAE RCMO ให้ข้อมูลอย่างครบวงจร

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการดูแลผู้มีรายได้น้อยโดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกร เพื่อให้สามารถพัฒนาอาชีพและยกระดับรายได้ของตนเองอย่างมั่นคง โดยได้จัดตั้งศูนย์เรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรขึ้น อำเภอละ 1 แห่ง รวม 882 แห่ง ตั้งแต่ปี 2557 บูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วนนำงานวิจัย นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ เข้าไปถ่ายทอดให้แก่เกษตรกร ทั้งเทคโนโลยีการผลิต การแปรรูป การตลาด เพื่อลดต้นทุน และเพิ่มมูลค่าแก่ผลผลิต

"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า การทำให้เกษตรกรซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้น และเศรษฐกิจฐานรากมีความเข้มแข็ง เพื่อให้ไทยก้าวพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง ต้องส่งเสริมให้ทุกคนมีความรู้และนำเทคโนโลยีไปพัฒนาการผลิต เปลี่ยนจากเกษตรกรแบบดั้งเดิมให้เป็นสมาร์ท ฟาร์เมอร์" พล.ท.สรรเสริญ กล่าว

สำหรับพื้นที่จัดตั้งศูนย์เรียนรู้ฯ ได้คัดเลือกจากพื้นที่ที่ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นที่ คน สินค้า และศักยภาพการผลิต (Zoning) และกำหนดประเด็นที่จะส่งเสริมให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ โดยมีองค์ประกอบ คือ 1) เกษตรกรต้นแบบ 2) แปลงเรียนรู้ 3) หลักสูตร 4) ฐานการเรียนรู้ ซึ่งที่ผ่านมาแต่ละศูนย์จะบริหารจัดการโดยเกษตรกรต้นแบบที่ประสบความสำเร็จเป็นสมาร์ทฟาร์เมอร์ ร่วมกับหน่วยงานของรัฐ สถาบันการศึกษา และชุมชน จัดทำหลักสูตรและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ โดยให้เกษตรกรได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริงในแปลงเรียนรู้ เช่น การปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้ สร้างรายได้ 9 แสนบาท/ปี ที่ จ.มหาสารคาม การผลิตกาแฟขี้ชะมด จ.กระบี่ สร้างรายได้กิโลกรัมละ 2 หมื่นบาท เป็นต้น

นอกจากนี้ เกษตรกรยังสามารถใช้ประโยชน์จากแอพพลิเคชั่น OAE RCMO หรือ "กระดานเศรษฐี เกษตรกรมีโอกาส"เพื่อคำนวณต้นทุนการผลิตพืช ปศุสัตว์ ประมง และยังสามารถทราบได้ว่า พื้นที่ของตัวเองเป็นพื้นที่เหมาะสมสำหรับปลูกพืชชนิดนั้นหรือไม่ หากไม่เหมาะจะปลูกพืชชนิดใดแทน รวมถึงทราบแหล่งรับซื้อ และราคาที่รับซื้อผลผลิตด้วย

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กำชับว่า ทุกหน่วยงานจะต้องเข้าไปสนับสนุนการทำงานของศูนย์เพื่อให้เกษตรกรสามารถประยุกต์ใช้นวัตกรรมได้จริง และขยายเครือข่ายถ่ายทอดความรู้และปฏิบัติให้เกิดผล โดยต้องยกระดับการเรียนรู้จากเรื่องเกษตรพื้นฐาน เช่น การตัดแต่งกิ่ง การทำปุ๋ย ไปสู่การร่วมกันคิดว่าจะนำงานวิจัยและเทคโนโลยีไปต่อยอด เพื่อเปลี่ยนแปลงภาคการเกษตรได้อย่างไร