posttoday

"แมคโดนัลด์" โหมแคชเลส เดินหน้าขยายบริการชำระแบบไร้เงินสด

11 มกราคม 2561

แมคโดนัลด์จับมือพันธมิตรเกาะกระแสแคชเลสโซไซตี้ พร้อมลุยสาขาใหม่ดันยอดขายโต 2 หลัก

แมคโดนัลด์จับมือพันธมิตรเกาะกระแสแคชเลสโซไซตี้ พร้อมลุยสาขาใหม่ดันยอดขายโต 2 หลัก

นายเฮสเตอร์ ชิว ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมคไทย ผู้บริหารร้านแมคโดนัลด์ เปิดเผยว่า หลังจากภาครัฐมีการผลักดันให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าแบบไร้เงินสด ส่งผลให้ปัจจุบันผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจชำระสินค้าแบบไร้เงินสดมากขึ้น เห็นได้จากยอดขายภายในร้านของแมคโดนัลด์ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้าชำระเงินแบบไร้เงินที่ 30% เพิ่มขึ้นจากช่วง 3-4 ปี ก่อนที่มีสัดส่วนประมาณ 5-6% เท่านั้น

ทั้งนี้ จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปดังกล่าว บริษัทจึงได้มีการเพิ่มช่องทางการบริการชำระเงินแบบไร้เงินสดเพิ่มขึ้นในช่วงเดือน พ.ย. 2560 ที่ผ่านมา ด้วยการให้ลูกค้าสามารถชำระเงินแบบไร้เงินสดได้ผ่านเอ็มเปย์และบลูเพย์ จากเดิมจะเป็นการรับชำระเงินแบบไร้เงินสดผ่านบัตรเครดิตวีซ่าเพย์เวฟ บัตรแรบบิท และแรบบิท ไลน์ เพย์

อย่างไรก็ดี เพื่อให้ลูกค้ามีความสะดวกในการชำระค่าอาหารและเครื่องดื่มภายในร้านแมคโดนัลด์มากขึ้น ภายในไตรมาสแรกนี้ บริษัทมีแผนจะขยายช่องทางการรับชำระเงินแบบไร้เงินสดผ่านอาลีเพย์และทรูมันนี่ วอลเล็ต ซึ่งจากแนวทางธุรกิจดังกล่าวบริษัทคาดว่าสิ้นปี 2561 นี้จะมีสัดส่วนรายได้ที่มาการชำระเงินแบบไร้เงินสดเพิ่มขึ้นมาเป็น 50% อย่างแน่นอน

“ในปีนี้บริษัทจะใช้สื่อดิจิทัลเข้ามาช่วยการทำตลาดมากขึ้น ล่าสุดได้ติดตั้งเครื่องสั่งอาหารแบบอัตโนมัติและเมนูบอร์ดแบบวิดีโอวอลล์ระบบดิจิทัลภายในร้านแมคโดนัลด์เป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการอีกด้วย” นายเฮสเตอร์ชิว กล่าว

พร้อมกันนี้ ยังได้พัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ รวมไปถึงการเปิดตัวแอพพลิเคชั่น บนมือถือ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการเลือกเมนูอาหาร โดยปัจจุบันมีผู้สนใจดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นของร้านแมคโดนัลด์แล้วประมาณ 2 แสนดาวน์โหลด คาดว่าสิ้นปี 2561 นี้จะเพิ่มเป็น 5 แสนดาวน์โหลด

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทได้เตรียมงบประมาณ 800-1,000 ล้านบาท เพื่อใช้พัฒนาระบบไอทีและเปิดสาขาใหม่ประมาณ 15-20 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่อยู่ภายในห้างค้าปลีก 50% และสาขาไดรฟ์ทรู 50% โดยสิ้นปี 2561 นี้คาดว่าจะมีรายได้กลับมาเติบโต 2 หลัก เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่โตเพียง 1 หลัก