posttoday

“บีทีเอส” ยันไม่ขึ้นค่าโดยสาร หลังใช้ระบบตั๋วร่วม

21 ธันวาคม 2560

“บีทีเอส” ชี้แจง ยืนยันไม่ขึ้นค่าโดยสาร หลังเปิดใช้ระบบตั๋วร่วม พร้อมร่วมมือภาครัฐทำตั๋วร่วมเต็มที่

“บีทีเอส” ชี้แจง ยืนยันไม่ขึ้นค่าโดยสาร หลังเปิดใช้ระบบตั๋วร่วม พร้อมร่วมมือภาครัฐทำตั๋วร่วมเต็มที่

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด ( มหาชน ) ชี้แจงกรณีตามที่มีข่าวระบุว่า บริษัทฯ จ่อขึ้นราคาค่าโดยสารหลังเปิดใช้ระบบตั๋วร่วม หรือบัตรแมงมุมเพื่อเชื่อมกับระบบขนส่งมวลชนอื่นโดยใช้บัตรเพียงใบเดียวนั้น ไม่มีมูลความจริงแต่ประการใด พร้อมย้ำให้ความร่วมมือกับรัฐในการจัดทำตั๋วร่วมเต็มที่ เพราะได้ร่วมมือกับทางภาครัฐมาตั้งแต่ต้นและเป็นรายแรกในการเซ็นเอ็มโอยู หรือบันทึกความร่วมมือกับรัฐบาลเพื่อทำระบบตั๋วร่วม ซึ่งบริษัทฯ ได้พยายามในการที่จะให้ตั๋วร่วมนี้สามารถใช้ร่วมกับบัตร แรบบิท ได้ และในอนาคต เมื่อมีส่วนต่อขยายออกไปหลายสาย ในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งถ้าเป็นสายสีเขียวด้วยกันจะไม่มีค่าแรกเข้า ส่วนสายสีอื่นๆจะมีค่าแรกเข้า ซึ่งตรงนี้บริษัทฯพร้อมที่จะหารือร่วมกับทุกฝ่ายและทางภาครัฐเรื่องค่าแรกเข้าเพื่อให้เกิดความพอดี และ ประชาชนไม่เดือดร้อน

ส่วนการปรับค่าโดยสารที่เรียกเก็บสำหรับรถไฟฟ้าบีทีเอสในส่วนของเส้นทางสัมปทานระยะทาง 23.5 กิโลเมตร สายสุขุมวิท และสายสีลม บริษัทฯ ได้มีการปรับราคาค่าโดยสารครั้งล่าสุดที่ผ่านมาเมื่อเดือนตุลาคม 2560 ซึ่งสัญญาสัมปทานกำหนดให้บริษัทฯสามารถปรับค่าโดยสารที่เรียกเก็บได้ทุก 18 เดือนแต่ต้องไม่เกินเพดานอัตราค่าโดยสาร ดังนั้นจึงขอให้ผู้ใช้บริการวางใจได้ว่าบริษัทฯจะยังไม่มีการเรียกเก็บหรือปรับราคาค่าโดยสารในขณะนี้แต่อย่างใด ส่วนการจัดทำตั๋วร่วมของรัฐบาลไม่มีผลกับการปรับขึ้นค่าโดยสารบีทีเอสเพราะเป็นเรื่องของอนาคต ที่รัฐบาลจะพิจารณาร่วมกับเอกชนผู้ให้บริการทุกราย บริษัทฯ ยินดีให้ความร่วมมือในการจัดทำตั๋วร่วมมาตั้งแต่ต้นไม่ว่าเอกชนรายใดจะถอนตัวออกไป บริษัทฯก็ยังคงร่วมงานกับรัฐ โดยเฉพาะระบบบัตรบัตรแมงมุมที่พัฒนาระบบเปิดไว้ให้บัตรโดยสารของผู้ให้บริการทุกรายสามารถเชื่อมต่อกับบัตรแมงมุมได้โดยง่าย ไม่ใช่เฉพาะของบีทีเอสเพียงรายเดียว

นายสุรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคืบหน้ารถไฟฟ้าขบวนใหม่ที่ได้ลงนามสั่งซื้อไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2559 จำนวน 46 ขบวน 148 ตู้มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาทกับ บริษัทซีเมนส์ จำกัด 22 ขบวน จะทยอยเข้ามาในปี 2561 และบริษัทฉางชุน เรลเวย์ เวฮิเคิล จำกัด 24 ขบวน จะทยอยมาถึงเมืองไทยจนครบ ในปี 2562 โดยขบวนแรก จะเข้ามาประมาณเดือนพฤษภาคม ปี 2561 เพื่อจะมาทดสอบระบบต่างๆ ทั้งนี้เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยสถิติสูงสุดของผู้โดยสารเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา มีจำนวน 918,109 เที่ยวคนซึ่งเป็นสถิติใหม่ล่าสุด