posttoday

ซีคอนพร้อมรับรถไฟฟ้า ผุด 'ยูนีค เดสติเนชั่น' ดึงใจลูกค้า

02 กันยายน 2560

โครงการรถไฟฟ้าที่เกิดขึ้นครอบคลุม ทั่วทุกมุมเมือง กลายเป็นโอกาสสำคัญในการผลักดันการเติบโตของธุรกิจศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ทั้งสาขาศรีนครินทร์และบางแค

โดย...วันเพ็ญ พุทธานนท์

โครงการรถไฟฟ้าที่เกิดขึ้นครอบคลุม ทั่วทุกมุมเมือง กลายเป็นโอกาสสำคัญในการผลักดันการเติบโตของธุรกิจศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ทั้งสาขาศรีนครินทร์และบางแค เพราะมีรถไฟฟ้าวิ่งผ่านทั้งสองโครงการ ทำให้ซีคอนเร่งปรับกลยุทธ์และพัฒนาศูนย์ทั้งสองแห่งเพื่อรองรับโอกาสดังกล่าว

ตะติยะ ซอโสตถิกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน ดีเวลลอป เมนท์ และบริษัท ซีคอน บางแค เปิดเผยว่า นับเป็นโอกาสดีของศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ เนื่องจากรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ซึ่งเป็นโมโนเรล จะเปิดให้บริการในปี 2563 และวิ่งผ่านหน้าซีคอนสแควร์ สาขาศรีนครินทร์ และรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน ที่จะเปิดให้บริการในปี 2562 วิ่งผ่านหน้าซีคอนสแควร์ สาขาบางแค

การที่มีเส้นทางรถไฟฟ้าผ่านหน้าศูนย์การค้าทั้งสองแห่งของบริษัท จะทำให้การเดินทางมายังศูนย์ง่ายขึ้น และยังส่งผลให้มีจำนวนคอนโดมิเนียมเกิดใหม่ตามมา จึงถือเป็นทั้งการเพิ่มความถี่ของลูกค้าเดิม ตลอดจนการเพิ่มโอกาสของลูกค้าใหม่ที่จะเข้ามาใช้บริการมากขึ้น ซึ่งถือเป็นศักยภาพในการทำธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย

ตะติยะยกตัวอย่างการเกิดรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินที่จะผ่านซีคอน บางแค ว่า ส่งผลให้มีคอนโดมิเนียมเกิดใหม่ 4-5 โครงการ รวมกว่า 1.3 หมื่นยูนิต นั่นหมายความว่าจะมีผู้อยู่อาศัยใหม่ในพื้นที่เพิ่มขึ้น และเป็นโอกาสของซีคอน บางแค ในการเพิ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ดังนั้น สิ่งสำคัญ คือ ต้องสร้างความแตกต่างเพื่อดึงลูกค้า

จากโอกาสดังกล่าว บริษัทจึงได้เร่งปรับยุทธศาสตร์ธุรกิจเพื่อดึงลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ ด้วยการพัฒนาคอนเซ็ปต์หลักใหม่ของการดำเนินธุรกิจ นั่นคือ การเป็น ยูนีค เดสติเนชั่น (Unique Destination) โดยจะสร้างเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากผู้ประกอบการค้าปลีกรายอื่น ทั้งด้านการตกแต่ง ดีไซน์ ร้านค้าที่เปิดในศูนย์ ตลอดจนรูปแบบการจัดอีเวนต์

"สิ่งที่เราเริ่มทำแล้ว คือ การทำ อีเวนต์ที่เป็นยูนีคและนำหน้าคู่แข่ง เพราะความใหญ่ของศูนย์การค้าซีคอนทำให้เราสามารถพัฒนาความหลากหลายได้มากกว่า และสามารถนำพื้นที่ในโซนต่างๆ มาจัดอีเวนต์ได้มากขึ้น ซึ่ง อีเวนต์ที่ซีคอนจัดได้อย่างแตกต่าง ทำให้ประสบความสำเร็จอย่างมาก"

ปัจจุบันศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ จัดอีเวนต์ใหญ่ปีละประมาณ 30 อีเวนต์ และสาขาบางแค จัดประมาณ 50 อีเวนต์/ปี ซึ่งถือเป็นการสร้าง รายได้อีกธุรกิจหนึ่งนอกเหนือจากรายได้ค่าเช่าพื้นที่ในศูนย์

ทั้งนี้ ซีคอนยังได้เพิ่มแม่เหล็กเพื่อดึงคนเข้าศูนย์ โดยสาขาศรีนครินทร์ได้พัฒนาโซน คาโนปี้ (CANOPY) ขึ้น เพื่อเป็นศูนย์รวมร้านอาหารขนาดพื้นที่ 1 หมื่นตารางเมตร (ตร.ม.) ใช้เงินลงทุน 250 ล้านบาท ซึ่งเปิดให้บริการแล้วเมื่อปลายปี 2559 ที่ผ่านมา และจะพัฒนาโซน ฟู้ด ออน โฟร์ (Food on Four) ที่ซีคอน บางแค บริเวณชั้น 4-6 ขนาดพื้นที่ 1 หมื่น ตร.ม. ใช้เงินลงทุน 300 ล้านบาท คาดพร้อมเปิดให้บริการประมาณเดือน ส.ค.-ก.ย. 2561 ภายใต้คอนเซ็ปต์เดียวกับคาโนปี้ หลังจากเห็นผลตอบรับที่ดี

แผนงานที่วางไว้ทั้งหมดนี้ เมื่อรวมกับโอกาสที่เกิดขึ้น ผู้บริหารซีคอนสแควร์เชื่อว่าจะเพิ่มทราฟฟิกหรือจำนวนคนเข้ามาใช้บริการในศูนย์ทั้งสองแห่งไม่ต่ำกว่า 15% แน่นอน

สำหรับผลการดำเนินงานของธุรกิจในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา (ณ เดือน มิ.ย. 2560) พบว่า ซีคอน ศรีนครินทร์ มีอัตราการเติบโตของทราฟฟิกเพิ่มขึ้น 8% จากจำนวนลูกค้าในวันธรรมดา 6-7 หมื่นคน/วัน และ 1.2 หมื่นคนในวันหยุด ขณะที่ ซีคอน บางแค จำนวน ทราฟฟิกเพิ่มขึ้น 10% โดยลูกค้าวันธรรมดาอยู่ที่ 3.5-4 หมื่นคน/วัน และในวันหยุด 5 หมื่นคน/วัน ในส่วนของรายได้พบว่าเติบโตเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ในส่วนของธุรกิจโรงแรมเรเนซองส์ ภูเก็ต ธุรกิจในเครือ ซีคอน ดีเวลลอปเมนท์ พบว่า มีอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยเพิ่มจาก 80% เป็น 87% ซึ่งเป็นผลจากการท่องเที่ยวที่เติบโตเพิ่มมากขึ้น โดยลูกค้าหลักจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวยุโรปและเอเชีย เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกงนอกจากนี้ บริษัทยังมีที่ดินอีก 40 ไร่ ที่ จ.กระบี่ ซึ่งอยู่ในแผนการพัฒนาโรงแรมระยะ 3-5 ปีจากนี้ หากเป็นโรงแรมขนาด 200 ห้อง ใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท

ขณะที่ปีนี้ ตะติยะ มั่นใจว่า ซีคอน บางแค จะมีรายได้ 600 ล้านบาท และซีคอน ศรีนครินทร์ อยู่ที่ 1,560 ล้านบาท ตามเป้าหมายแน่นอน