posttoday

สินค้าสัตว์เลี้ยงโตแรง ผู้ผลิตเร่งรุกตลาด-ลุยอาเซียน

29 พฤษภาคม 2560

ด้วยการเปลี่ยนไปของสังคมในปัจจุบัน ประกอบกับการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาดสัตว์เลี้ยง จะทำให้ปีนี้ตลาดมีการเติบโตได้อย่างน่าสนใจ

โดย...ทีมข่าวธุรกิจตลาดโพสต์ทูเดย์

ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และคนโสดหรือคนแต่งงานแต่ไม่มีบุตรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยงเติบโตอย่างคึกคัก เพราะคนนิยมเลี้ยงสัตว์เป็นเพื่อนหรือเป็นเหมือนลูกทดแทน จึงเป็นโอกาสให้กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงเติบโตตามไปด้วย

นิธิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออล เฮลธี โปรดักส์ ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายขนมสุนัข เปิดเผยว่า ตลาดสัตว์เลี้ยงในไทยมีมูลค่าประมาณ 2 หมื่นล้านบาท เติบโต 15-20% ต่อปี ต่อเนื่องมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เป็นผลจากเศรษฐกิจเติบโตขึ้นทำให้กลุ่มคนมีกำลังซื้อหันมาเลี้ยงสัตว์มากขึ้นตาม โดยบริษัทดำเนินธุรกิจขนมสุนัขมา 40 ปีแล้ว ช่วงแรกรับจ้างผลิต (โออีเอ็ม) กระทั่ง 13 ปีก่อนก็เริ่มสร้างแบรนด์เอง โดยมี 3 แบรนด์ คือ กู้ดดี้ เดลิซิโอ และเพ็ท สตอรี่ ซึ่งกู้ดดี้ถือเป็นแบรนด์ที่สร้างรายได้สูงสุด 60% ของทั้ง 3 แบรนด์ที่บริษัททำเอง รองลงมาคือ เดลิซิโอ 25% และเพ็ท สตอรี่ 15%

สำหรับปัจจุบันรายได้ 90% มาจากโออีเอ็ม และอีก 10% มาจากแบรนด์ของตัวเอง หากแบ่งสัดส่วนรายได้ในและต่างประเทศ จะมาจากในประเทศ 15% ต่างประเทศ 85% ซึ่งบริษัทก็วางแผนให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ที่ทำให้เป็นที่รู้จัก และเพิ่มสัดส่วนรายได้มากขึ้นทั้งตลาดในและต่างประเทศ โดยตลาดในประเทศนั้นคาดหวังขยับสัดส่วนรายได้เพิ่มเป็น 40% นอกจากการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังเพิ่มความถี่ในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่จากเดิมจะปีละ 1-2 รายการ ปีนี้ก็จะเพิ่มเป็นไตรมาสละ 2-3 รายการ

“ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาการนำผลไม้ไทยมาผลิตขนมสัตว์ โดยผสมกับวัตถุดิบหลักอื่น คาดว่าจะใช้เวลาครึ่งปีจึงได้ผลสรุป” นิธิวัฒน์ กล่าว

นอกจากนี้ ยังเพิ่มช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆ จากเดิมจะจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านร้านจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วไปเป็นหลัก ก็จะเพิ่มการเข้าสู่ช่องทางซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งได้เริ่มทำไปตั้งแต่ปีก่อนในการเข้าสู่เทสโก้ โลตัส ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจานำสินค้าวางจำหน่ายในท็อปส์ แม็กซ์แวลู แม็คโคร และบิ๊กซี ซึ่งน่าจะช่วยทำให้ยอดขายเติบโตได้มาก

ขณะเดียวกันจะเพิ่มความสำคัญของการสั่งซื้อออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม รวมถึงกระตุ้นให้เกิดการทดลอง เช่น ในงานเพ็ทเอ็กซ์โป 25-28 พ.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้นำผลิตภัณฑ์ขนาดทดลองแจกให้ผู้เลี้ยงสัตว์นำไปให้สัตว์ทดลอง ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้เกิดความมั่นใจในแบรนด์มากขึ้น หลังที่ผ่านมาลูกค้าอาจจะเห็นแบรนด์นี้ผ่านตาแล้วแต่ยังไม่รู้จักจึงไม่กล้าซื้อให้สัตว์เลี้ยงรับประทาน

ด้านการขยายตลาดต่างประเทศก็จะให้น้ำหนักตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งเป้าหมายว่าจะขยายตลาดครอบคลุมทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ภายใน 3-5 ปี โดยมองว่าตลาดอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์เป็นตลาดน่าสนใจมาก เพราะมีประชากรมากและเศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ส่วนเมียนมา ลาว และเวียดนาม ก็เป็นอีกกลุ่มที่น่าสนใจ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างหาตัวแทนจำหน่ายอยู่ สำหรับตลาดต่างประเทศที่บริษัทเข้าไปได้แล้วคือ ญี่ปุ่น ไต้หวัน มาเลเซีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา แต่ส่วนใหญ่เป็นรูปแบบโออีเอ็ม

นิธิวัฒน์ กล่าวว่า โดยรวมปีนี้จะใช้งบทำตลาด 5-7% ของยอดขายเพิ่มมาจากอดีตที่ใช้ไม่ถึง 1% โดยตั้งเป้าหมายจากการทำตลาดอย่างหนักหน่วงขึ้นทั้งในและต่างประเทศจะทำให้รายได้ปีนี้เติบโตได้ 20% สอดคล้องกับตลาด ขณะที่ปีที่ผ่านมามีรายได้ 16 ล้านบาท ส่วนการเติบโตของบริษัทก่อนหน้านี้จะอยู่ที่ 5% ต่อปีเท่านั้น

ณภัทร ศิลาพันธ์ ผู้จัดการอาวุโส บริษัท มาร์ส ไทยแลนด์อิงค์ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงแบรนด์ เพดดิกรี วิสกัส กล่าวว่า ตลาดรวมอาหารสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยปี 2560 คาดว่าจะเติบโตขึ้น 5% จากปีก่อนอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปริมาณผู้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับพฤติกรรมการดูแลสัตว์เลี้ยงที่เหมือนเป็นคนในครอบครัวจึงส่งผลให้ตลาดเติบโต

ทั้งนี้ สัดส่วนการบริโภคอาหารเม็ดของสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยปัจจุบันมีจำนวน 40% และสัดส่วนการบริโภคอาหารทั่วไปของสัตว์เลี้ยงอยู่ที่ 60% ซึ่งบริษัทเชื่อว่าสัดส่วนอาหารเม็ดมีแนวโน้มเติบโตขึ้นได้ในอนาคต โดยได้ใช้กลยุทธ์การให้ทดลองผลิตภัณฑ์เพื่อให้เห็นถึงสุขภาพที่ดีขึ้นของสัตว์เลี้ยง สำหรับในปีนี้บริษัทมีแผนการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ใหม่ สินค้าในกลุ่มดูแลช่องปากสุนัข เดนทัล สติ๊ก พร้อมการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อผลักดันยอดขายให้เป็นไปตามที่ตั้งไว้ 3,500 ล้านบาท

ด้วยการเปลี่ยนไปของสังคมในปัจจุบัน ประกอบกับการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาดสัตว์เลี้ยง จะทำให้ปีนี้ตลาดมีการเติบโตได้อย่างน่าสนใจ