posttoday

ดันอัญมณีลงทุนอีอีซี

07 พฤศจิกายน 2560

"บิ๊กตู่" ระบุพื้นที่อีอีซีเหมาะต่อการลงทุนอัญมณี เหตุมีจุดแข็งใกล้แหล่งวัตถุดิบพลอยสี ตั้งเป้าผู้นำการค้าเครื่องประดับโลกปี 2564

"บิ๊กตู่" ระบุพื้นที่อีอีซีเหมาะต่อการลงทุนอัญมณี เหตุมีจุดแข็งใกล้แหล่งวัตถุดิบพลอยสี ตั้งเป้าผู้นำการค้าเครื่องประดับโลกปี 2564

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยในพิธีเปิดการประชุมสมาพันธ์เครื่องประดับโลก (CIBJO Congress 2017) ว่า ขณะนี้รัฐบาลได้จัดตั้งโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งเป็นแผนยุทธศาสตร์ต่างประเทศภายใต้นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่จะส่งผลให้พื้นที่ภาคตะวันออกของไทยกลายเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมสำคัญต่างๆ อีกทั้งอีอีซียังอยู่ใกล้แหล่งผลิตวัตถุดิบพลอยสีของไทยใน จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นแหล่งค้าพลอยสีที่ใหญ่สุดในประเทศ และเป็นศูนย์รวมค้าพลอยแบบครบวงจรที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในระดับสากล จึงเป็นพื้นที่เหมาะสมต่อการลงทุนอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทย

ทั้งนี้ ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ต้องการที่จะยกระดับไทยให้ไปอยู่ในกลุ่มประเทศรายได้สูง โดยการปฏิรูประบบเศรษฐกิจด้วยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ พร้อมทั้งสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับด้วยการเปิดรับเทคโนโลยีการผลิตใหม่ๆ การออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์ การรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมของไทยเอาไว้ รวมถึงการทำการค้าออนไลน์เพื่อสนับสนุนให้ ผู้ประกอบการใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ต่อการค้าขาย ซึ่งมีความจำเป็นมากในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล

นอกจากนี้ ในต่างจังหวัดของประเทศไทยยังมีเส้นทางจังหวัดที่มีอัญมณีที่น่าสนใจ เช่น เครื่องประดับเงินและพลอยสีที่ จ.แพร่และตาก เครื่องประดับทองและเงินที่ จ.สุโขทัย เครื่องประดับทองและนิลที่ จ.กาญจนบุรี เครื่องประดับเงินที่ จ.สุรินทร์ รวมถึงพลอยสีที่ จ.จันทบุรี ตราด และมหาสารคาม ตลอดจนเครื่องประดับจากไข่มุกที่ จ.ภูเก็ต พังงา และสตูล

"การประชุมครั้งนี้เป็นประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับทั้งของไทยและของโลกที่จะได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และประสบการณ์ ซึ่งปัจจุบันอุตสาหกรรมนี้ช่วยสร้างรายได้ให้กับแรงงานกว่า 7 แสนคนทั่วประเทศ สร้างรายได้ให้เศรษฐกิจไทยกว่า 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/ปี โดยรัฐบาลตั้งเป้าให้ไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับโลกภายใน 5 ปี หรือใน 2564" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาภาครัฐได้ ดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อส่งเสริม อุตสาหกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง อาทิ การยกเว้นอากรขาเข้าสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานสินค้า ส่งเสริมให้แสวงหาพันธมิตรด้านแหล่งวัตถุดิบ การยกระดับฝีมือแรงงาน และมาตรการส่งเสริมด้านการตลาดที่เชื่อมโยงกับภาคการท่องเที่ยว และมั่นใจว่ามาตรการเหล่านี้จะช่วยผลักดัน ให้ประเทศไทยเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย ดังกล่าวได้สำเร็จ

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ปีนี้ไทยได้รับเกียรติให้เป็น เจ้าภาพจัดการประชุมสมาพันธ์เครื่องประดับโลกประจำปี 2560 (CIBJO Congress 2017) ระหว่างวันที่ 5-7 พ.ย. 2560 ณ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นงานประชุมประจำปีสำคัญของอุตสาหกรรมนี้ มีคนในวงการอัญมณี และเครื่องประดับโลกมากกว่า 300 คน จาก 42 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วม

"ไทยมีโอกาสขึ้นเป็นศูนย์กลางอัญมณีและเครื่องประดับโลกได้ภายใน 5 ปี เพราะไทยมีจุดแข็งและความได้เปรียบในอุตสาหกรรม เนื่องจากสามารถผลิตสินค้าได้หลากหลายทั้งเครื่องประดับทอง พลอยสี มีทรัพยากรบุคคลที่มีความสามารถสูงตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ช่างฝีมือแรงงานไทยที่มีทักษะ มีความประณีต และมี ความสามารถด้านการออกแบบ" นางอภิรดี กล่าว

นางอภิรดี กล่าวอีกว่า ปัจจุบันไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกอัญมณีและ เครื่องประดับอันดับ 10 ของโลก โดยในปี 2559 ไทยส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ (รวมทองคำ) มูลค่ารวม 1.42 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 5.01 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 3.49% ของจีดีพีประเทศ ขณะที่ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 (ม.ค.-ก.ย.) สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับเป็นสินค้าส่งออกสำคัญอันดับ 3 ของประเทศ มีมูลค่าส่งออกรวมกว่า 1.06 หมื่นล้านดอลลาร์หรือ 3.64 แสนล้านบาท