posttoday

หอการค้าคาดลอยกระทงเงินสะพัดเกือบหมื่นล้านบาท

31 ตุลาคม 2560

ม.หอการค้าไทยคาดเงินสะพัดช่วงเทศกาลลอยกระทงปีนี้ 9,928 ล้านบาท ขยายตัว3% ชี้เป็นช่วงก่ำกึ่งของการปรับตัว หวังปีหน้าบรรยากาศกลับสู่ภาวะปกติ

ม.หอการค้าไทยคาดเงินสะพัดช่วงเทศกาลลอยกระทงปีนี้ 9,928 ล้านบาท ขยายตัว3% ชี้เป็นช่วงก่ำกึ่งของการปรับตัว หวังปีหน้าบรรยากาศกลับสู่ภาวะปกติ

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมและการใช้จ่ายผู้บริโภคในช่วงเทศกาลลอยกระทงปี 2560 จาก 1,199 ตัวอย่าง พบว่ามูลค่าการใช้จ่ายในวันลอยกระทงปีนี้อยู่ที่ 9,928.02ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3% และเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ3 ปี ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวแล้ว ซึ่งเป็นไปตามค่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง 2 เดือน

ทั้งนี้ บรรยากาศการใช้จ่ายในด้านของเม็ดเงินยังไม่กลับมาเท่ากับปี 2557 ที่มีมูลค่าอยู่ที่ 1.11 หมื่นล้านบาท แต่เม็ดเงินค่าใช้จ่ายในปีนี้ที่เพิ่มขึ้น สะท้อนว่าหลังจบพระราชพิธีประชาชนเริ่มมีการปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติ เพราะมีผู้ตอบแบบสอบถามว่ามีแผนที่จะออกไปร่วมงานข้างนอกมากสุดในรอบ 12 ปี แสดงให้เห็นว่าประชาชนพร้อมที่จะออกมาจับจ่ายใช้สอย แต่ในด้านของผู้จัดงานยังไม่พร้อมนักจึงมีการจัดงานแบบเรียบง่ายทำให้การจับจ่ายใช้สอยถูกคุมด้วยบรรยากาศ

“ปีนี้ยังเป็นการลอยกระทงที่ยังไม่ปกติเป็นช่วงก่ำกึ่งของการปรับตัว มูลค่าการใช้จ่ายปีนี้ที่อยู่ในระดับเกือบ 1 หมื่นล้านบาทนั้น เป็นการสะท้อนว่ากำลังซื้อเริ่มกลับมาแต่ถ้าจะให้กลับมาปกติ มูลค่าการใช้จ่ายควรจะอยู่ที่ระดับ 1-1.1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากในช่วงปี2559 เป็นช่วงของการไว้ทุกข์ ภาพที่ออกมาจึงกลับมาคึกคักในระดับที่เหมาะสม แต่หวังว่าปีหน้าจะกลับมาปกติ” นายธนวรรธน์ กล่าว

สำหรับผลสำรวจพบว่า ปีนี้ส่วนใหญ่ 92.9% มีการวางแผนออกมาลอยกระทง เนื่องจากเป็นประเพณี เพื่อขอพร เศรษฐกิจดีขึ้น มีรายได้ดีขึ้นและเป็นการผ่อนคลายความเครียด ส่วนอีก 6.6% ที่ไม่ลอยเพราะอยู่ในช่วงโศกเศร้า ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย กลัวอันตรายและเศรษฐกิจไม่ดี โดยส่วนใหญ่ 67.9% มีแผนไปลอยกระทงในสถานที่ที่มีการจัดงาน ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนที่มีสัดส่วนเพียง 34.7% และที่มาของเงินที่ใช้ส่วนใหญ่ยังมาจากเงินเดือนแต่มีสัดส่วนลดลง

อย่างไรก็ดี มหาวิทยาหอการค้าไทยได้ประเมินผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมในบางพื้นที่เข้าไปแล้ว โดยมองว่า ไม่น่าจะมีความเสียหายเกิน 1หมื่นล้านบาท ซึ่งไม่มากจนกระทบเศรษฐกิจภาพรวม และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่อยู่ริมน้ำ ไม่ได้กระทบเข้ามายังพื้นที่เศรษฐกิจ จึงไม่กระทบต่อเศรษฐกิจและการขนส่ง แต่เป็นการกระทบต่อทรัพย์สินและพฤติกรรมการใช้จ่ายมากกว่า

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า คาดว่าในช่วง 2 เดือนจากนี้ เศรษฐกิจจะค่อยๆฟื้นตัวดีขึ้น จากบรรยากาศการส่งออกที่ดีขึ้น 4 เดือนต่อเนื่อง จึงคาดว่าการส่งออกปีนี้จะโต 8-9% ได้  ทำให้ผู้ส่งออกมั่นใจว่าจะมีออเดอร์ในช่วงปีใหม่มากขึ้น เศรษฐกิจโลกดีขึ้น ทำให้เริ่มมีการซื้อสินค้าจากเอสเอ็มอีในซัพพลายเชน และเริ่มมีการเพิ่มเงินล่วงเวลา (โอที) การท่องเที่ยวที่ดีขึ้น ทำให้มีเม็ดเงินเข้าระบบในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีมากขึ้น

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังมีแนวทางที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 2 เดือนสุดท้าย ด้วยการเร่งการใช้จ่ายของเงินที่อยู่ในมือขององค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น 1 แสนล้านบาทออกมาเร็วที่สุดเพื่อกระตุ้นจีดีพีให้เพิ่มขึ้นอีก 0.1% ทำให้บรรยากาศหนุนเศรษฐกิจให้โต และจะไปเห็นการฟื้นตัวชัดเจนในไตรมาส2/2560

ขณะที่แนวทางร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของสถาบันการเงิน หรือ บัญชีเงินฝากที่ไม่มีการฝาก ถอน หรือโอนเงินในบัญชีเงินฝากเป็นระยะเวลาตั้งแต่10 ปีขึ้นไปนั้น นายธนวรรธน์ มองว่ารัฐควรให้รายละเอียดที่ชัดเจน ทั้งประเภทบัญชีและวงเงินที่จะเข้าเงื่อนไข และคำนิยามของการเคลื่อนไหวว่าคืออะไร เนื่องจากเป็นเรื่องที่กระทบกับประชาชนทั่วไป พร้อมทั้งเสนอให้มีการทำประชาพิจารณ์ผ่านเวทีรับฟังความคิดเห็น นอกเหนือจากการเปิดรับฟังผ่านทางเว็บไซต์อย่างเดียว