เตรียมประกวดราคารถไฟสายสีม่วงใต้ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ

รฟม.เตรียมประกวดราคาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ คาดเปิดบริการได้ในปี66

พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมการ(บอร์ด)การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) เปิดเผยว่ารฟม.อยู่ระหว่างเตรียมประกวดราคาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง(ใต้) ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ระยะทาง 23.6 กิโลเมตร(กม.) วงเงินรวม 101,112 ล้านบาท หลังจากคณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้อนุมัติให้ดำเนินโครงการไปเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อให้สามารถเปิดบริการได้ตามเป้าหมายในปี 2566 ส่วนรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงบางแค - พุทธมณฑล สาย 4 ระยะทาง 8 กม. อยู่ระหว่างปรับปรุงรายละเอียดก่อนเสนอกระทรวงคมนาคมเพื่อขออนุมัติ ครม. โดยมีกำหนดเปิดบริการปี 2566 เช่นเดียวกัน

พล.อ.ยอดยุทธ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างศึกษา ออกแบบ เพื่อนำเสนอกระทรวงคมนาคม และครม.อีก 3 โครงการ คือ รถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงคูคต-ลำลูกกา ระยะทาง 7 กม. รถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงสมุทรปราการ-บางปู ระยะทาง 7 กม. โดยมีกำหนดจะเปิดบริการในปี 2566 และรถไฟฟ้าสายสีส้ม(ตะวันตก) ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ระยะทาง 12.9 กม.มีกำหนดเปิดบริการปี 2568

ด้านพ.ต.ท.อนุศิลป์ สิริเวชชะพันธ์ รักษาการรองผู้ว่าการ(ปฏิบัติการ) รฟม. กล่าวถึงกรณีการเปิดเชื่อมต่อ 1 สถานี ระหว่างสถานีบางซื่อ-สถานีเตาปูน เมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า ขณะนี้จำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางใหญ่ ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากก่อนหน้านั้นที่มีผู้โดยสารสูงสุดประมาณ 3.4 หมื่นคนต่อวัน เพิ่มขึ้นทันทีในวันแรกที่เปิดเชื่อมต่อเป็น 4.1 หมื่นคนต่อวัน และในวันที่ 15 สิงหาคม เพิ่มขึ้นเป็น 4.55 หมื่นคน วันที่ 16 สิงหาคม เพิ่มเป็น 4.76 หมื่นคน วันที่ 17 สิงหาคม เพิ่มเป็น 4.85 หมื่นคน และวันที่ 18 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ เพิ่มขึ้นเป็น 5 หมื่นคน

พ.ต.ท.อนุศิลป์ กล่าวว่า สำหรับช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมาจำนวนผู้โดยสารก็มีมากกว่าช่วงเดียวกันของก่อนหน้านี้ คือ วันที่ 19 สิงหาคม มีผู้โดยสาร 3.4 หมื่นคน จากเดิมมี 2.5 หมื่นคนต่อวัน และวันที่ 20 สิงหาคม ก็มีผู้โดยสาร 3.4 หมื่นคน จากเดิมมี 2.7 หมื่นคน

“สัปดาห์ที่แล้วมีจำนวนผู้โดยสารเยอะมาก เพิ่มขึ้นทุกวัน คาดว่าจำนวนผู้โดยสารจะยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเร่งด่วนตอนเช้าระหว่างเวลา 07.00-09.00 น. คงต้องให้ประชาชนปรับตัวเพื่อกระจายช่วงเวลาการเดินทางสักระยะ จากนั้นคาดว่าสถานการณ์ความหนาแน่นจะคลี่คลายลงได้”พ.ต.ท.อนุศิลป์ กล่าว

พ.ต.ท.อนุศิลป์ กล่าวว่า ทั้งนี้การเปิดเชื่อมต่อ 1 สถานีดังกล่าว ได้ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ทีมีความหนาแน่นขึ้นด้วย เพราะนอกจากจะมีจำนวนผู้โดยสารใช้บริการมากขึ้น ระยะเวลาของขบวนรถที่เข้าสถานียังช้าลงเนื่องจากวิ่งระยะทางไกลขึ้น คือ จากเดิมระยะห่างอยู่ที่ 3.40 นาที ได้เพิ่มขึ้นเป็น 4 นาที ระยะห่างเพิ่มขึ้นประมาณ 50 วินาที จึงส่งผลให้เกิดความแออัดในช่วงเวลาเร่งด่วนบ้าง โดยเบื้องต้นทางรถไฟฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ทีได้มีการติดป้ายเพื่อขอให้ผู้โดยสารเดินชิดด้านในเพื่อให้ผู้โดยสารคนอื่นสามารถเข้าไปได้ ซึ่งก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง

พ.ต.ท.อนุศิลป์ กล่าวว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาในระยะยาวทางบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด(มหาชน)หรือบีอีเอ็ม ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน และส่วนต่อขยายจากบางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค ได้สั่งซื้อขบวนรถใหม่มาให้บริการเพิ่มเติมแล้ว โดยจะทยอยรับมอบตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป ซึ่งหลังจากรับมอบมาให้บริการแล้วก็มั่นใจว่าจะลดความแออัดที่เกิดขึ้นได้ เนื่องจากจะสามารถลดระยะเวลาการรอลงเหลือ 2 นาทีต่อขบวนเท่านั้น