posttoday

สภาธุรกิจไทย-จีนแนะไทยเชื่อม1B1Rเพิ่มจีดีพีทันที0.5%

10 สิงหาคม 2560

สภาธุรกิจไทย-จีน แนะไทยเอาอีอีซีเชื่อมโยง1Belt 1 Road ช่วยเพิ่มความน่าสนใจลงทุนดันจีดีพีประเทศขึ้นทันทีอย่างน้อย0.5%

สภาธุรกิจไทย-จีน แนะไทยเอาอีอีซีเชื่อมโยง1Belt 1 Road ช่วยเพิ่มความน่าสนใจลงทุนดันจีดีพีประเทศขึ้นทันทีอย่างน้อย0.5%

นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานสภาธุรกิจไทย-จีน กล่าวว่า นโยบาย 1 Belt 1 Road ของจีนที่กำลังพยายามลงมาเชื่อมดับระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ของไทย เพื่อเป็นทางออกในการส่งสินค้าจากจีนออกสู่ทะเลทั้งฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกและอินเดีย โดยผ่านท่าเรือแหลมฉบังของไทย ดังนั้นไทยต้องใช้โอกาสนี้ เป็นตัวดึงดูดการลงทุนจากนานาชาติทำให้อีอีซีมีความน่าสนใจมากขึ้น

"ไทยจะต้องเอาอีอีซีไปโยงกับ 1Belt 1Road เพราะถ้าไม่เชื่อมกันจะทำให้การพัฒนาอีอีซีไปได้ช้า และยังเชื่อมั่นว่า ถ้ามีการร่วมมือกันอย่างถูกต้องจะช่วยทำให้จีดีพีของไทยเพิ่มขึ้นทันทีอีกอย่างน้อย 0.5% จากปัจจุบันที่โตอยู่ในระดับ 3-3.5% โดยเฉพาะตลอดเส้นทางของ1Belt 1 Road ที่เชื่อมลงมา ทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนจากจีน และระบบโลจิสติกส์ที่จะนำมาทั้งการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว" นายวิกรม กล่าว

ทั้งนี้ เส้นทาง 1 Belt 1 Road ตามนโยบายของจีน จะลากผ่าน 65 ประเทศ ซึ่งมีจำนวนประชากรคิดเป็นสัดส่วน 62% ของโลกมีพื้นที่คิดเป็น 40% ของโลก และมีขนาดเศรษฐกิจคิดเป็น 30% ของจีดีพีโลก และการลงทุนโดยตรง (เอฟดีไอ) จากจีนที่เข้ามาลงทุนในซีแอลเอ็มวีทีในช่วงปี 2553-2557 มีมูลค่ารวม 4.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา โดยเป็นการลงทุนในเวียดนามมากสุด 2.44 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา รองลงมาคือ ไทย 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และเมียนมา 2,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่เหลือเป็นกัมพูชาและสปป.ลาว

นายวิกรม กล่าวว่า เวลานี้จีนเตรียมส่งสินค้าออกมาทางมหาสมุทรอินเดียเพื่อส่งไปยังตลาดยุโรป โดยเฉพาะสินค้าจากเมืองและมณฑลต่างๆ ของจีนที่อยู่ในอินแลนด์ไม่ต้องขนส่งอ้อม แต่สามารถลากลงมาผ่านท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งจะทำให้พื้นที่อีอีซีและท่าเรือแหลมฉบังของไทยจะได้ประโยชน์มากขึ้น

"นอกจากนี้ยังต้องมองในระยะยาว ภาพแผนที่ซีแอลเอ็มวีทีที่อยู่ติดจีน ซึ่งมีจีดีพีเฉลี่ยอยู่ที่ 2,456 ดอลลาร์สหรัฐ/คน/ปี สะท้อนว่าต้นทุนการผลิตของจีนถ้าเข้ามาลงทุนในซีแอลเอ็มวีทีต่ำลง และจีนยังได้รับสิทธิประโยชน์จากทั้งจีเอสพีในการส่งออก และยังได้ประโยชน์จากเอฟทีเออาเซียนบวก6 จุงทำให้ในอนาคตจีนจะเข้ามาลงทุนในไทยอีกหลายพันโรงงาน" นายวิกรม กล่าว

อย่างไรก็ดี รัฐบาลจำเป็นต้องตั้งสร้างทีมมาดูว่า จีนต้องการสินค้าอะไร และไทยมีสินค้าอะไรที่อยากจะขาย จีนอยากจะลงทุนอะไร เพื่อสร้างเป็นโต๊ะจีน ทำตัวให้เป็นสะพานให้คนซื้อกับคนขายมาเจอกัน โดยทำให้ประเทศไทยกลายเป็นสำนักงานใหญ่ของจีน