posttoday

บอร์ดบินไทยไฟเขียวตั้งไทยกรุ๊ปฝ่าวิกฤตขาดทุน

21 เมษายน 2560

บอร์ดการบินไทยไฟเขียวตั้งไทยกรุ๊ปฝ่าวิกฤตขาดทุน หลังคนร.ติงรายได้ยังต่ำกว่าเป้า เล็งลุยตลาดภูมิภาคดูดลูกค้าเอเซีย

บอร์ดการบินไทยไฟเขียวตั้งไทยกรุ๊ปฝ่าวิกฤตขาดทุน หลังคนร.ติงรายได้ยังต่ำกว่าเป้า เล็งลุยตลาดภูมิภาคดูดลูกค้าเอเซีย

เมื่อวันที่ 21 เม.ย. นางอุษณีย์  แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่  บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการการบินไทยเมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา  บอร์ดการบินไทยมีมติเห็นชอบหลักการจัดตั้งไทยกรุ๊ป โดยหลังจากนี้จะเร่งรัดการประชุมหารือในรายละเอียดกับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อวางกรอบดำเนินการตามเป้าหมายดังกล่าวต่อไปภายในเดือนเม.ย.นี้ โดยเบื้องต้นการบินไทยเน้นกลุ่มลูกค้าพรีเมียมและทำตลาดเส้นทางการบินระหว่างประเทศ  ไทยสมายล์ทำตลาดลูกค้าเส้นทางบินในประเทศและอินโดจีน ส่วนนกแอร์ทำตลาดโลวคอสต์  แต่ในอนาคตต้องเปิดเส้นทางบินเพิ่มในเมืองรองในอินโดจีน และกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง เช่น อินเดีย และจีนตอนใต้  ภายหลังจากที่ประชุมคณะกรรมการคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เมื่อวันที่ 19 เม.ย.  ได้สั่งการให้การบินไทยปรับปรุงแผนเพิ่มรายได้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นภายหลังจากที่รายได้ใน 2 เดือนแรกของปีนี้ยังต่ำกว่าเป้าหมายแม้จะลดรายจ่ายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ประกอบกับการนำระบบบริหารรายได้ใหม่มาใช้จนสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น 1 พันล้านบาท ดังนั้นการจัดตั้งไทยกรุ๊ปจึงเป็นหนึ่งในแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นผ่านการสร้างรายได้เพิ่ม ลดการขาดทุนและการขยายตลาดเป้าหมาย

ด้านร.อ.มนตรี จำเรียง รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนาอย่างยั่งยืน กล่าวว่า ด้านแผนปฏิรูปบริษัทการบินไทยนั้นปัจจุบันอยู่ในขั้นสุดท้ายคือการเติบโตอย่างยั่งยืนซึ่งประกอบด้วยแผน 22 โครงการที่จะดำเนินแล้วเสร็จทั้งหมดในปีนี้ ดังนั้นบริษัทการบินไทยจึงมีแผนเชื่อมโยงการบริหารงานกับบริษัทลูกเพื่อไปสู่เป้าหมายดังกล่าวด้วยการตั้ง  “ไทยกรุ๊ป” ที่จะมีการเชื่อมโยงการบริหารจัดการร่วมกันระหว่างการบินไทย,ไทยสมายล์และนกแอร์ เข้าด้วยกัน โดยหลังจากนี้บริษัทการบินไทยจะเดินหน้าในตำแหน่งสายการบินพรีเมี่ยมที่บินระหว่างภูมิภาคเอเซีย-อินโดจีนและทวีปต่างๆ โดยใช้อีก 2 สายการบินเป็นฟีดเดอร์สนับสนุนบริษัทแม่ ได้แก่บริษัทไทยสมายล์เป็นสายการบินฟูลเซอร์วิซเส้นทางบินภายในประเทศและภูมิภาคอินโดไชน่า  ขณะที่นกแอร์จะเป็นสายการบินต้นทุนต่ำ(โลว์คอส)ที่สนับสนุนการกระจายผู้โดยสารในประเทศโดยใช้นกสกู๊ดเป็นโลว์คอสสนับสนุนเส้นทางภูมิภาคอีกด้วย เพื่อรองรับแผนการเปิดเส้นทางบินเพิ่มในอนาคตโดยเฉพาะกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง(GMS) ภูมิภาคอินโด-จีนและอินเดียรวมถึงจีนตอนใต้ โดยปลายเดือนเม.ย. ทั้ง 3 สายการบินจะมีการประชุมเพื่อจัดทำแผนการบริหารจัดการร่วมกันต่อไป

“อนาคตทั้ง3 สายการบินต้องเป็นเครือข่ายการบิน ส่งต่อผู้โดยสารบินระยะไกล กลาง ใกล้ให้แก่กัน เพื่อขยายโครงการการบินและจุดบินระหว่างกัน ซึ่งหากทำได้ไทยกรุ๊ปจะมีสภาวะแข็งแกร่งมากเพราะทั้งหมดเป็นสายการบินสัญชาติไทยที่มีศักยภาพขยายเส้นทางบินรวมถึงสร้างราไยด้เพิ่มเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดในภูมิภาค” ร.อ.มนตรีกล่าว

นายณรงค์ชัย ว่องธนะวิโมกษ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการเงินและการบัญชี  การบินไทย  กล่าวว่า อุปสรรคในการดำเนินธุรกิจขณะนี้คือด้านสภาวะความไม่มั่นคงทางการเมืองและตรึงเครียดที่เกิดจากคาบสมุทรเกาหลีและประเทศซีเรีย จนส่งผลต่อเศรษฐกิจในหลายภาคส่วนของโลก ดังนั้นจึงต้องจับตาดูสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดเพราะถ้าเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นย่อมกระทบต่อนักท่องเที่ยวในทวีปเอเซีย ส่วนปัจจัยที่ต้องจับตาดูอีกด้านคือราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจนอาจกระทบต่อต้นทุน อย่างไรก็ตามสำหรับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้การบินไทยทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน(เฮดจิ้ง) น้ำมันครึ่งปีแรก62-63%ครึ่งหลัง49%  ซึ่งการเฮดจิ้งขึ้นกับสถานการณ์ราคาน้ำมันเป็นหลัก ราคาเฉลี่ยประมาณ40-60เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลถือว่าได้ราคาดีพอควร  ซึ่งปกติสามารถที่จะเฮดจิ้งน้ำมันได้ 80%  และตอนนี้เฮดจิ้งไปที่ครึ่งแรกของปี 61  ประมาณ12%  ให้มองให้มองแนวโน้ม 18 เดือนข้างหน้า และตามดูสถานการณ์ทุกไตรมาส