ขสมก.ยันไม่เลิกจ้างพนักงานเก็บค่าโดยสารแต่โอนไปทำหน้าที่อื่นแทน

โฆษกกระทรวงแรงงาน เผย ผอ.ขสมก.ยืนยัน ไม่เลิกจ้างพนักงานเก็บค่าโดยสาร 4 พันคนหลังเปลี่ยนระบบตั๋วโดยสาร แต่จะโอนย้ายไปทำหน้าที่อื่นแทน

เมื่อวันที่ 20 มี.ค. นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ ผู้ตรวจกระทรวงแรงงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า หลังการหารือกับ นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) หลังมีข่าวว่าจะเลิกจ้างพนักงานเก็บค่าโดยสารกว่า 4 พันคน เนื่องจากนำระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Ticket) เข้ามาใช้แทนนั้น ทาง ผอ.ขสมก.ยืนยันว่า จะไม่มีการเลิกจ้างพนักงานเก็บค่าโดยสารทั้ง 4 พันคน แต่จะโอนให้ไปทำหน้าที่อื่นทดแทน โดยแผนช่วงปีแรกเมื่อนำระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามา พนักงานเก็บเงินก็คงต้องทำหน้าที่ไปก่อน เพราะต้องทำให้ผู้ใช้บริการได้เรียนรู้ปรับตัวโดยจะให้พนักงานเก็บค่าโดยสาร เป็นผู้แนะนำวิธีการใหม่

จากนั้นในปีที่ 2 ขสมก.ก็จะเริ่มลดพนักงานเก็บตัวในรถเมล์ปรับอากาศ (รถเย็น) ก่อนโดยให้เปลี่ยนไปทำหน้าตำแหน่งงานอื่นแทน เช่น พนักงานขับรถ พนักงานสถานี พนักงานสนับสนุนภาคพื้นดิน หรืออื่นๆ ส่วนรถเมล์ปกติทั่วไปจะค่อยปรับภายหลัง ซึ่งทาง ขสมก.คาดการณ์ว่าจะเลิกใช้พนักงานเก็บค่าโดยสารได้ภายในช่วงปีที่ 3 หลังจากวางระบบเสร็จเรียบร้อย

"ผอ.ขสมก ยืนยันว่าจะๆไม่มีนโยบายเลิกจ้างพนักงานเก็บตั๋ว หรือบังคับให้ออกแน่นอน และยินดีพร้อมรับพนักงานทั้ง 4 พันคนให้ทำงานต่อ แต่จะให้ไปทำงานในตำแหน่งอื่นหลังจากนำระบบ  e-Ticket มาใช้"นายอนันต์ชัย กล่าว

นายอนันต์ชัย เปิดเผยว่า สาเหตุที่ ขสมก.รับพนักงานเก็บค่าโดยสารกว่า 4 พันคนทำงานต่อ เนื่องจากทุกปีจะมีพนักงานเกษียณประมาณ 500 คน/ปี โดยเฉพาะในตำแหน่งพนักงานขับรถ และขณะนี้พนักงานเก็บค่าโดยสารประมาณ 1.5 พันคน ก็ได้รับการอบรมและมีใบขับขี่รถโดยสารสาธารณะ พร้อมที่จะทำงานเป็นพนักงานขับรถทันที

อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนตำแหน่งของพนักงานทาง ขสมก. จะไม่ใช้ระบบบังคับแต่จะสอบถามความสมัครใจ ถ้าท้ายที่สุดท้ายมีผู้ที่ไม่ประสงค์จะเปลี่ยนงานก็อาจนำโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด (เออร์ลี่ รีไทร์) มาใช้ แต่ถ้าหากมีผู้ไม่ยอมย้ายไปทำงานในตำแหน่งอื่น รวมถึงไม่ยอมเข้าโครงการ เออร์ลี่ รีไทร์ ก็อาจจะต้องหารือกับทางสหภาพ ขสมก.เพื่อหาทางแก้ไขต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องในอนาคต