"ฮอนด้า"จับตาส่งออก รับอาจมีผลกระทบระยะสั้นในเวียดนาม

ฮอนด้าเกาะติดมาตรการกีดกันการค้าเวียดนาม พร้อมยันเดินหน้าอีโคคาร์ 2 สนร่วม ปลั๊ก-อิน ไฮบริด

นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บริษัทติดตามสถานการณ์มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีอากรในเวียดนาม ซึ่งยอมรับว่าอาจจะกระทบด้านส่งออกของบริษัทจากไทยไปประเทศดังกล่าวในระยะสั้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการส่งออกรถยนต์ไปยังประเทศดังกล่าวไม่เกิน 5% ของสัดส่วนการส่งออกรวมของบริษัท หรือมีจำนวนราว 2,000-3,000 คัน ซึ่งได้มีการปรับเปลี่ยนแผนการผลิตให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ

"สำหรับประเด็นดังกล่าวขณะนี้ยังไม่มีแผนที่จะต้องปรับเปลี่ยนหรือเคลื่อนย้ายการผลิตในส่วนดังกล่าวจากประเทศไทยไปยังประเทศเวียดนาม แม้ว่าบริษัทจะมีฐานผลิตอยู่ในประเทศดังกล่าวก็ตาม โดยคาดหวังให้การเจรจาในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาลได้ข้อสรุปโดยเร็ว"นายพิทักษ์ กล่าว

ขณะที่ภาพรวมตลาดรถยนต์ปี 2561 ยังไม่มีปัจจัยลบเนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจและอัตราเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ส่วนสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในต่างประเทศ ซึ่งแม้ว่าจะมีปัจจัยที่น่ากังวล แต่เชื่อว่าภาพรวมการส่งออกในปี 2561 จะยังมีแนวโน้มที่ดีเนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกดี

ทั้งนี้ การขอรับส่งเสริมการลงทุนในโครงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าส่วนของไฮบริดบริษัทมีแผนระยะกลาง-ระยะยาว ซึ่งไม่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เพื่อรับมือกับเหตุการณ์เฉพาะหน้า โดยนโยบายที่รัฐส่งเสริมด้านมาตรการทางภาษีเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค จะส่งผลให้มีปริมาณการซื้อเพิ่มขึ้นจากราคาที่ลดลงจากนโยบายสนับสนุนดังกล่าว

นอกจากนี้ สำหรับการขอรับส่งเสริมการลงทุนในส่วน ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ที่จะกำหนดการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนจะสิ้นสุดในปีนี้ยังไม่มีข้อสรุปสำหรับเรื่องดังกล่าว แต่บริษัทมองว่า ปลั๊ก-อิน ไฮบริด เป็นเทรนด์สำหรับอนาคต ซึ่งบริษัทจัดไว้อยู่ในกลุ่มรถยนต์ที่ขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า ส่วนโครงการ อีโคคาร์ 2 บริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนแม้ว่าไฮบริดจะคุ้มค่ามากกว่าอีโคคาร์ 2 ก็ตาม