posttoday

"มาสด้า" วางวิสัยทัศน์ 2030 ลั่นอีก2ปีเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า

14 สิงหาคม 2560

มาสด้าตั้งเป้าตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไปจะเริ่มเปิดตัวรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าออกสู่ตลาด

โดย...สไปรท์

มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น เตรียมความพร้อมเพื่อก้าวไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการประกาศวิสัยทัศน์ในระยะยาว ภายใต้ชื่อโครงการ “SUSTAINABLE ZOOM-ZOOM 2030” ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีเจเนอเรชั่นใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอีก 13 ปีข้างหน้า หรือภายในปี 2573 ในฐานะของการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีใหม่นี้ และเพื่อให้สามารถบรรลุวิสัยทัศน์ดังกล่าว

มาสด้าเตรียมเปิดตัวแนะนำเครื่องยนต์เจเนอเรชั่นใหม่ที่เรียกว่า SKYACTIV-X ในปี 2562 โดยเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-X จะกลายเป็นเครื่องยนต์เบนซินในเชิงพาณิชย์ครั้งแรกของโลกที่ใช้การจุดระเบิดด้วยการอัดอากาศ

ภายใต้แนวคิดและวิสัยทัศน์ดังกล่าวที่อุตสาหกรรมยานยนต์ของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

ดังนั้นมาสด้าได้กำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ที่มีมุมมองระยะยาว ด้วยการกำหนดวิธีการเพื่อที่มาสด้าจะได้ส่งมอบความสุข ความสนุกสนานในการขับขี่ ซึ่งเป็นพื้นฐานของรถยนต์เพื่อช่วยแก้ปัญหาที่ลูกค้าทั่วโลกและสิ่งที่ผู้คนในสังคมต้องเผชิญอยู่

มาสด้าเชื่อว่าพันธกิจที่สำคัญยิ่งของมาสด้า คือ การสร้างโลกที่สวยงาม และเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและคนในสังคม มาสด้าจะพยายามแสวงหาหนทางใหม่ๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนผ่านการมอบคุณค่าที่โลกยานยนต์สามารถให้ได้ โดยมีแนวทางปฏิบัติดังนี้

ขยายมาตรการเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) อย่างครบวงจร ทั้งที่มาจากขบวนการจัดหาแหล่งพลังงานเชื้อเพลิงเพื่อนำมาใช้เป็นแหล่งพลังงานของรถยนต์ และการปล่อย Co2 จากตัวรถยนต์ โดยคำนึงถึงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตลอดวงจรชีวิตของรถยนต์

 

"มาสด้า" วางวิสัยทัศน์ 2030 ลั่นอีก2ปีเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า

มาสด้าตั้งเป้าหมายเพื่อลดการปลดปล่อย Co2 เฉลี่ยของทั้งองค์กร Corporate Average Well-to-Wheel Co2 Emission ลดลง 50% ภายในปี 2573 เมื่อเทียบจากปี 2553 และตั้งเป้าหมายลดลง 90% ภายในปี 2593

ทั้งนี้ มาสด้าจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ด้วยนโยบายการจัดลำดับความสำคัญของการปรับปรุงประสิทธิภาพและมาตรการด้านการปล่อยมลพิษที่สะอาดมากยิ่งขึ้น และสามารถใช้งานได้บนโลกแห่งความเป็นจริง เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าว มาสด้าดำเนินการพัฒนาอย่างไม่หยุดเพื่อพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด ปัจจุบันทั่วทั้งโลกรถยนต์ส่วนใหญ่ยังคงใช้เครื่องยนต์นี้และมีจำนวนมาก และจะยังคงต่อเนื่องไปอีกหลายปีต่อจากนี้ไปสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างเป็นรูปธรรม และรวมถึงการก่อให้เกิดผลลัพธ์กับการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อทำงานรวมกับเทคโนโลยีรถไฟฟ้าในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป จะเริ่มเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีอื่นๆ เกี่ยวกับการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าในภูมิภาคที่ใช้พลังงานสะอาดเพื่อการผลิตกระแสไฟฟ้า หรือจำกัดเฉพาะยานพาหนะบางอย่างเพื่อลดมลพิษทางอากาศ

ขณะที่ทางด้านสังคม มาสด้ามุ่งเน้นและส่งเสริมให้เกิดความปลอดภัยและการสร้างความสุขในสังคมผ่านการพัฒนายานยนต์ และระบบการจัดการที่สร้างความอุ่นใจและเสริมสร้างชีวิตของลูกค้า ด้วยการมอบประสบการณ์การขับขี่แบบไร้ขีดจำกัดให้กับลูกค้าทั่วโลก

นอกจากนี้ จะมีการเริ่มต้นการทดสอบเทคโนโลยีการขับขี่แบบอัตโนมัติ ในปัจจุบันถูกพัฒนาขึ้นโดยสอดคล้องกับแนวคิดการให้มนุษย์เป็นศูนย์กลางการควบคุม และคอนเซ็ปต์ใหม่ Mazda Co-Pilot2 ในปี 2563 โดยมีเป้าหมายเพื่อนำไปใช้ให้เป็นมาตรฐานในรถมาสด้าทุกรุ่นภายในปี 2568

สำหรับเครื่องยนต์เจเนอเรชั่นใหม่ของ SKYACTIV-X จะเป็นเครื่องยนต์เบนซินเชิงพาณิชย์ครั้งแรกของโลกที่สามารถจุดระเบิดได้โดยการอัดอากาศ โดยการเผาไหม้ของเครื่องยนต์จะเกิดขึ้นจากการจุดระเบิดของอากาศและน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผสมกัน ในขณะที่ลูกสูบเคลื่อนที่ในจังหวะของการอัด

วิธีการเผาไหม้นี้เป็นกรรมสิทธิ์ซึ่งเรียกว่า Spark Controlled Compression Ignition ช่วยแก้ปัญหาสองเรื่องที่เป็นอุปสรรคของการพัฒนาเครื่องยนต์เบนซินที่ใช้การจุดระเบิดในจังหวะการอัดอากาศ นั่นคือ การเพิ่มพื้นที่เพื่อสามารถทำให้เกิดการจุดระเบิดในจังหวะการอัดของลูกสูบ และการพัฒนาการจุดระเบิดที่สมบูรณ์แบบนี้ได้รวมเอาข้อดีของการจุดระเบิดด้วยการอัดอากาศและการจุดระเบิดด้วยประกายการเผาไหม้เข้าไว้ด้วยกัน

เครื่องยนต์ดังกล่าวรวมข้อดีของเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล เพื่อให้ได้สมรรถนะด้านสิ่งแวดล้อม สมรรถนะพลังแรงของเครื่องยนต์ และการเร่งสปีดความเร็วที่ยอดเยี่ยม สำหรับการจุดระเบิดด้วยการบีบอัดและการใช้ระบบซูเปอร์ชาร์จเจอร์ บรรจุและอัดอากาศ ทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมัน และสามารถทำให้เครื่องยนต์มีการตอบสนองได้อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน และสามารถเพิ่มแรงบิด 10-30% เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ SKYACTIV-G ในปัจจุบัน

การจุดระเบิดด้วยการบีบอัดสามารถช่วยให้เกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์แบบได้ในภาวะ Super Lean Burn4 จึงเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์มากขึ้น 20-30% เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ SKYACTIV-G ในปัจจุบัน หรือเพิ่มขึ้น 34-45% เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์เบนซินของมาสด้าในปี 2551 ที่มีขนาดเครื่องยนต์เท่ากัน เครื่องยนต์ SKYACTIV-X เทียบเท่าหรือสูงกว่าเครื่องยนต์คลีนดีเซลรุ่นล่าสุด SKYACTIV-D

มาสด้ามุ่งมั่นสร้างสรรค์และก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง มาสด้าคาดหวังที่จะเป็นส่วนหนึ่งเพื่อช่วยสร้างอนาคตที่สดใสสำหรับผู้คนทั่วโลกและสร้างสังคมให้น่าอยู่ สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับรถยนต์ เพื่อเสริมสร้างวิถีชีวิตของผู้คนผ่านประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถยนต์ เพื่อให้ทุกคนมีความสุขในการขับขี่ จนกลายเป็นแบรนด์ที่ลูกค้ารักและผูกพัน

ทั้งหมดนี้เป็นวิสัยทัศน์ที่น่าติดตามว่าจะพา “มาสด้า” ทั้งในระดับโลกและในไทยไปไกลขนาดไหน