รัฐแจกสิทธิดึงค่ายรถลงทุน

โตโยต้าได้สิทธิชิ้นส่วนรถเล็กกับแบตเตอรี่นิกเกิล แลกลงทุนหลายแสนล้าน ค่ายรถเร่งรัฐออกรายละเอียดรถยนต์ไฟฟ้า หลัง 1 เดือนนิ่ง

แหล่งข่าวจากวงการรถยนต์ เปิดเผยว่า แผนลงทุนหลายแสนล้านบาทในประเทศไทยของบริษัท โตโยต้า ที่เข้าพบรัฐบาลที่ผ่านมา เพราะได้ยกเว้นสิทธิพิเศษสำหรับชิ้นส่วนบางชิ้นเพื่อนำมาประกอบรถยนต์ขนาดเล็ก หรือคอมแพกต์คาร์ รวมถึงข้อยกเว้นบางอย่างในการดึงผู้ผลิตชิ้นส่วนหลักจากต่างประเทศมาลงทุนในแพ็กเกจดังกล่าวในประเทศไทย

นอกจากนี้ ได้รับส่งเสริมกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) สิทธิประโยชน์ด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ปัจจุบัน โตโยต้าใช้แบตเตอรี่นิกเกิล เป็นแบตเตอรี่ในรถยนต์ไฮบริด ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเก่า แตกต่างจากผู้ผลิตรายอื่นที่ใช้ แบตเตอรี่ ลิเธียม ไอออน จากผลของข้อตกลงดังกล่าว โตโยต้าเตรียมจะนำแผนลงทุนเข้าคณะกรรมการบริหารหรือบอร์ดชุดใหญ่ของโตโยต้าในเดือน พ.ค.นี้

ขณะที่ ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2560 บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (TMAP-EM) ทำการเปลี่ยนชื่อ เป็น บริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (TDEM) โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 2560 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการริเริ่ม และผนึกกำลังเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลขนาดเล็กหรือคอมแพกต์คาร์ของโตโยต้าทั่วโลก

จากสถานการณ์ปัจจุบันความเปลี่ยนแปลงด้านความต้องการของลูกค้าในภูมิภาค จากรถยนต์เชิงพาณิชย์มาเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กส่วนบุคคล บริษัท TDEM จึงได้รับพันธกิจเพิ่มในการดำเนินการและสนับสนุนการพัฒนายานยนต์นั่งส่วนบุคคลขนาดเล็กในตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง เพื่อให้เหมาะสมกับความเปลี่ยนแปลงและยังคงไว้ซึ่งพันธกิจในการพัฒนาประเทศไทยและในภูมิภาคให้เป็นฐานการผลิตหลักและการส่งออกรถยนต์ไปยังภูมิภาคเอเชียและตลาดโลก

นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ ประธานคณะกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า ก็ไม่ได้บอกว่า โตโยต้าจะใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่นิกเกิลตลอดไป แต่จะเปลี่ยนหรือไม่ก็ตอบไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของอนาคต ขึ้นอยู่กับผู้บริโภคว่าจะตอบรับเทคโนโลยีไหน

ด้านแหล่งข่าวจากอุตสาหกรรมยานยนต์ เปิดเผยว่า ภายหลังประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2560 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้อนุมัติการส่งเสริมกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) และเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ผ่านการเห็นชอบ เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2560 จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการประกาศรายละเอียดที่ชัดเจนออกมา ซึ่งหลายบริษัทได้สอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอรายละเอียดมาประกอบการพิจารณาเงื่อนไขและตัดสินใจลงทุน แต่ยังไม่มีการตอบรับแต่อย่างใด

“นับตั้งแต่ประกาศเป็นมติ ครม.ออกมาจนถึงตอนนี้ระยะเวลากว่า 1 เดือนแล้ว ซึ่งบรรดาผู้ประกอบการยังคงเฝ้าติดตามรายละเอียดอย่างชัดเจน เนื่องจากการตัดสินใจเดินหน้าโครงการใดก็ตามนั้น การประกาศหรือมติ ครม.อย่างเดียวไม่เพียงพอ จะต้องมีการประกาศออกมาอย่างชัดเจนเพื่อศึกษารายละเอียดในทุกบรรทัดเพื่อความรัดกุมด้านข้อกฎหมาย”แหล่งข่าวเปิดเผย