posttoday

"เอช เซมฯ" เล็งต่อยอดสู่รถยนต์ไฟฟ้า

06 มีนาคม 2560

"เมื่อวันที่ประเทศไทยพร้อมในด้านรถยนต์ไฟฟ้าและมีโอกาสทางธุรกิจ เราจะเป็นผู้นำในตลาดอันดับต้นๆ"

โดย...พลพัต สาเลยยกานนท์

กว่า 38 ปี ของ “ฮั้วเฮงหลี” ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าเครื่องจักรกลทางการเกษตรและรถขุดขนาดเล็ก รวมถึงเป็นตัวแทนจำหน่ายรถกระบะแบรนด์ทาทา ได้มองเห็นโอกาสทางธุรกิจของรถยนต์ไฟฟ้าที่จะเข้ามามีบทบาทในอนาคต จึงเริ่มต้นในการทำธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์ไฟฟ้า ได้แก่ ธุรกิจจำหน่ายรถกอล์ฟไฟฟ้าและรถท่องเที่ยวไฟฟ้า แบรนด์สยามรถไฟฟ้า (เอสอีวี) และรถสามล้อ (เอสทีซี)

วันชัย ลี้นะวัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอช เซม มอเตอร์ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถกอล์ฟไฟฟ้าแบรนด์สยามรถไฟฟ้า (เอสอีวี) และรถสามล้อ (เอสทีซี) กล่าวว่า 3 ปี ในการดำเนินธุรกิจ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และทดลองตลาดให้เหมาะสมกับประเทศไทย ซึ่งตลอดระยะเวลาการดำเนินการจนถึงปัจจุบันมีอัตราเติบโตราว 200% โดยในปี 2560 หวังเติบโตขึ้นอีก 2 เท่าตัว จากปีที่ผ่านมาเอสทีซีมียอดขายอยู่ที่ 600 คัน และเอสอีวี
มียอดขาย 100 คัน

นอกจากนี้ ยังมีแผนเพิ่มเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายเป็น 80 แห่ง จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 40 แห่ง โดยเน้นขยายเครือข่ายไปยังหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ เพื่อให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งบริษัทเน้นการสนับสนุนและการพัฒนาด้านบริการหลังการขายให้แก่ผู้แทนจำหน่าย รวมทั้งจัดทำสินเชื่อเช่าซื้อ (ลีสซิ่ง) ของตัวเอง เพื่อตอบโจทย์ให้กับผู้ที่ต้องการซื้อผ่อน ซึ่งถือเป็นโอกาสทางธุรกิจอีกช่องทางหนึ่ง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค

“เมื่อวันที่ประเทศไทยพร้อมในด้านรถยนต์ไฟฟ้าและมีโอกาสทางธุรกิจ เราจะเป็นผู้นำในตลาดอันดับต้นๆ ที่พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์และต่อยอดไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า”

สำหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัทสามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับในแต่ละธุรกิจ อาทิ กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวแฟนตาซีคาร์ รถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า รถกอล์ฟคอนเทนเนอร์ หรือคาร์โก้บ็อก เพื่อใช้ในธุรกิจโรงแรม เป็นต้น โดยเอสทีซีมีกลุ่มเป้าหมายอยู่ที่กลุ่มเกษตรกรและกลุ่มฟู้ดทรัคส์ ส่วนเอสอีวีมีกลุ่มเป้าหมายอยู่ที่กลุ่มผู้สูงอายุ โรงพยาบาล และโรงแรม

ขณะที่ล่าสุดบริษัทได้ลงทุนมูลค่า 200 ล้านบาท ก่อตั้งโรงงานผลิตรถกอล์ฟไฟฟ้าบนพื้นที่ 35 ไร่ จ.พระนคร ศรีอยุธยา มีกำลังการผลิต 15 คัน/วัน จากเดิมอยู่ที่ 1 คัน/วัน และเป็นครั้งแรกในการผลิตบนสายพานการผลิตลักษณะคล้ายกับรถยนต์

ปัจจุบันชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิตส่วนใหญ่มาจากประเทศจีนและใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ โดยเน้นความเชื่อถือของคุณภาพชิ้นส่วนด้วยการเลือกใช้แบรนด์ชั้นนำอันดับ 1-3 ของประเทศจีน ซึ่งหลังจากนี้มีแผนเพิ่มสัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศมากขึ้น รวมทั้งเล็งผลิตเพื่อส่งออกเริ่มต้นจากภูมิภาคอาเซียน (เออีซี)

จากความพร้อมต่างๆ และความชำนาญทางธุรกิจที่มีมานานกว่า 38 ปี ของบริษัทและขยายธุรกิจมายังกลุ่มดังกล่าวนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งที่น่าจับตาก่อนนำไปสู่การพัฒนาต่อยอดไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต