posttoday

แนะรัฐอุ้มค่าไฟชาร์จรถอีวี

28 มีนาคม 2562

เอกชนกระทุ้งรัฐ เพิ่มบทบาทหนุนผู้ซื้อรถอีวี ควบคู่การขยายสถานีชาร์จเพื่อดันให้ตลาดเกิด

เอกชนกระทุ้งรัฐ เพิ่มบทบาทหนุนผู้ซื้อรถอีวี ควบคู่การขยายสถานีชาร์จเพื่อดันให้ตลาดเกิด

สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจัดเสวนามาตรการส่งเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างไร เมื่อวันที่ 27 มี.ค. โดยมีนายเขมทัต สุคนธสิงห์ ประธานกลุ่มบริษัทสิขร นายธนวัฒน์ คุ้มสิน รองผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ นายธีรพล วงศ์เลิศพิชิต รองประธานบริษัท พลังงานมหานคร ร่วมเสวนา

นายธีรพล เปิดเผยว่า ในฐานะ ผู้พัฒนายานยนต์ไฟฟ้า แบรนด์ ไมน์ โมบิลิตี ได้พัฒนารถอีวีขึ้นเพื่อเป็นผู้นำตลาดยานยนต์ไฟฟ้าไทย แต่ประเด็น ที่ภาคเอกชนประสบปัญหาและมองว่าจะเป็นประเด็นในการส่งผลต่อการเกิด ของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในฐานะผู้พัฒนารถอีวีและผู้ประกอบการสถานีชาร์จไฟฟ้านั้นคือ เงื่อนไของรัฐบาลในการสนับสนุนหลายด้าน โดยเฉพาะอัตราค่าบริการไฟฟ้าของสถานีชาร์จไฟฟ้าที่ยังมีอัตราสูง อยู่ ซึ่งรัฐบาลควรสนับสนุนให้อัตราดังกล่าวเป็นอัตราพิเศษเพื่อให้รถอีวีเกิดขึ้นได้จริง

สำหรับราคาแบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออน มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง นับเป็นประเด็นที่ส่งผลให้รถอีวีสามารถเกิดขึ้นได้จริงในอนาคตอันใกล้ และประเด็นที่จับตามองคือ ปริมาณความต้องการรถอีวีและกำลังการผลิตในประเทศจีน ซึ่งปัจจุบันนี้กำลังการผลิตในประเทศจีนยังไม่เพียงพอต่อปริมาณความต้องการ โดยหากกำลังการผลิตเพียงพอหรือเกินปริมาณความต้องการของตลาดแล้วนั้น จะส่งผลให้ประเทศอื่นๆ ในโลก รวมถึงประเทศไทยอาจได้รับผลกระทบจากการขยายออกสู่ตลาดของผู้ประกอบการผลิตรถอีวีของจีน

นายธนวัฒน์ กล่าวว่า ประเด็นข้อตกลงการยกเว้นภาษีระหว่างไทย-จีน เป็นสิ่งที่ต้องจับตาปัญหาการไหลเข้าของรถยนต์ไฟฟ้าจีนมาสู่ประเทศไทยหลังจากนี้ เนื่องจากปัจจุบันความนิยมรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยยังมีไม่มากจึงยังไม่เกิดปัญหา หากหลังจากนี้ตลาดในจีนอิ่มตัวและไทยมีความต้องการมากขึ้น ประเด็นนี้จะกระทบรถยนต์ไฟฟ้าของไทยแน่

นายเขมทัต ผู้ผลิตรถโดยสาร ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า กล่าวว่า ประเด็นสำคัญแม้ผู้ประกอบการสนใจอยากทำ และนักลงทุนมองเห็นโอกาสของเทรนด์ แต่รัฐบาลไม่อยากมีความเสี่ยง ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่มองเรื่องต้นทุน โดยตลาดที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดคือ รถโดยสารสาธารณะ แต่อัตราค่าบริการรถโดยสารสาธารณะในประเทศไทยนั้นมีราคาต่ำมาก จึงเป็นจุดที่รัฐบาลอาจต้องเข้ามามีบทบาทมากขึ้น