จีเอ็มชี้ "10เทรนด์ยานยนต์" ปี62

มุมมองจากจีเอ็ม ที่ร่วม กับ นักอนาคตวิทยา มอง 10 แนวโน้มของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่น่าติดตามในปี62

***********************

โดย...พลพัต สาเลยยกานนท์

จีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งดูแลแบรนด์เชฟโรเลต โฮลเด้น และคาดิแล็กในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ร่วมกับ ริชาร์ด วัตสัน นักอนาคตวิทยา ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ NowAndNext.com และผู้เขียนเรื่องดิจิทัลกับมนุษย์ (Digital Vs. Human) ได้เปิดเผย 10 แนวโน้ม หรือเทรนด์อุตสาหกรรมยานยนต์ที่น่าติดตามปี 2562

วัตสัน กล่าวว่า ปี 2562 ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะยังเติบโตต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นทั่วโลก โดยภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังมองไปยังอนาคตข้างหน้า ในขณะที่ภูมิภาคอื่นๆ นั้นกลับตรงกันข้าม

แม้ว่าบางเทรนด์อาจยังไม่เกิดขึ้นในปี 2562 แต่เชื่อว่าอีกไม่นานจะได้เห็นเทรนด์เหล่านี้แน่ ซึ่งอาจเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คิด โดยคาดการณ์สำหรับอนาคตอันใกล้นี้ ตรงกันสิ่งที่ จีเอ็ม โกลเบิล กำลังดำเนินการอยู่ เพื่อพลิกโฉมอุตสาหกรรมยานยนต์ในศตวรรที่ 21 ดังนี้

1.ยานยนต์ไร้คนขับ

มีการคาดการณ์ว่าการพัฒนาการขนส่งแบบไร้คนขับ ซึ่งรวมถึงรถยนต์ รถไฟ รถโดยสารประจำทาง รถบรรทุก และบางทีอาจจะพัฒนาไปถึงเครื่องบินในที่สุด ครูซ ออโตเมชั่น บริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติของจีเอ็ม กำลังจะนำรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ (AVs) เข้าสู่ตลาดเป็นรายแรก ด้วยการเปิดตัวระบบขับเคลื่อนกึ่งอัตโนมัติ ซูเปอร์ครูซ ในรถคาดิแล็กที่จำหน่ายในประทศจีนและสหรัฐอเมริกา

2.รถยนต์ไฟฟ้าและเชื้อเพลิงทางเลือก

เมื่อปี 2560 จีเอ็มประกาศแผนเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจำนวน 20 รุ่น ภายในปี 2566 ในขณะเดียวกันจีเอ็ม
ได้ทำงานใกล้ชิดร่วมกับพันธมิตร เพื่อพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ซึ่งจะเปิดตัวในอนาคตอันใกล้นี้นับเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ของจีเอ็ม เพื่อโลกที่ปราศจากอุบัติเหตุ มลพิษ และความแออัด

3.การแบ่งขั้วระหว่างรถ

การแบ่งขั้วดังกล่าวมีความหมายถึง ขนาด ราคา และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์รายต่างๆ กำลังเดินหน้ารถยนต์ไฟฟ้าแต่ก็ยังคงผลิตรถกระบะและรถยนต์อเนกประสงค์ ที่เป็นกลุ่มรถยนต์ที่เป็นที่ต้องการของตลาด ซึ่งจีเอ็มกำลังพัฒนารถกระบะไฟฟ้าที่มีการขับเคลื่อนด้วยเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน โดยจะทำให้เกิดข้อแตกต่างระหว่าง รถแพง/ไม่แพง รถเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม/ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงรถขนาดใหญ่/เล็ก

4.คนรุ่นใหม่มีใบขับขี่ลดลง

สัดส่วนคนรุ่นใหม่ที่มีใบขับขี่รถยนต์หรือเป็นเจ้าของรถยนต์มีจำนวนลดลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ขณะที่การเพิ่มขึ้นของธุรกิจการให้บริการ คาร์แชริ่ง จีเอ็มได้ลงทุนธุรกิจในลิฟต์ (Lyft) บริษัทสตาร์ทอัพผู้ให้บริการรถยนต์ร่วมโดยสาร เพื่อพัฒนาเครือข่ายสำหรับการขับรถด้วยตนเองที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลาตามความต้องการ

5.บริการการร่วมโดยสารเติบโต

เทรนด์นี้สอดคล้องกับการที่ใบขับขี่รถยนต์มีจำนวนลดลง แต่การใช้บริการรถยนต์ร่วมกันมีมากขึ้น ซึ่งในออสเตรเลีย จีเอ็ม มีธุรกิจรถเช่าเปิดให้บริการ ซึ่งประสบความสำเร็จจากผู้คนจำนวนมากหันไปทำงานอาชีพอิสระ และดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิดเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน เพื่อสร้างรายได้และมองหาวิธีการต่างๆ เพื่อเดินทางบนท้องถนนได้รวดเร็วขึ้น

6.รถยนต์ขนาดเล็กและน้ำหนักเบา

กฎข้อบังคับที่เข้มงวดของรัฐบาล เพื่อให้การปล่อยเชื้อเพลิงเป็นไปตามระดับมาตรฐาน และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และวัสดุที่ทำให้รถยนต์มีน้ำหนักเบาเป็นสิ่งที่ผู้ผลิตทุกรายให้ความสำคัญ ซึ่งเทคโนโลยีล้ำสมัยนี้คือกุญแจสำคัญในการพัฒนารถยนต์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มีน้ำหนักเบาลง และไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

7.รถยนต์สื่อสารระหว่างกัน

รถยนต์ที่มาพร้อมกับระบบสื่อสารระหว่างกันทำให้การสื่อสารระหว่างรถยนต์และโครงสร้างพื้นฐาน (Vehicle-to-Infrastructure) หรือ V2I และการสื่อสารของรถยนต์กับสิ่งรอบตัว (Vehicle-to-everything) หรือ V2X จะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการจราจร เมื่อมีการนำไปใช้อย่างแพร่หลาย

8.ชิ้นส่วนยานยนต์จะผลิตจากเครื่องพิมพ์สามมิติ

การใช้เครื่องพิมพ์สามมิติ เพื่อสร้างชิ้นส่วนต้นแบบ สำหรับการพัฒนายานยนต์เกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นปี 2561 โดยเชื่อว่าจะช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์บรรลุเป้าหมายในการเพิ่มรถยนต์ที่ใช้พลังงานทดแทน

9.การจากไปของเกียร์กระปุก (เกียร์ธรรมดา)

ความก้าวหน้าในการใช้เชื้อเพลิงอย่างประหยัด และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของเกียร์อัตโนมัติมีให้ทั้งหมด แต่กำจัดความต้องการรถยนต์ที่เป็นเกียร์กระปุก และการเพิ่มขึ้นของฟังก์ชั่นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) ช่วยให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติได้เอง

10.การออกแบบและใช้งานรถยนต์รองรับผู้สูงอายุ

ในอดีตคนสูงอายุจะมีการเคลื่อนไหวและความคล่องตัวที่จำกัด และต้องการรถยนต์ที่มีการออกแบบ เพื่อรองรับผู้ที่มีความยืดหยุ่นน้อยลง แต่ทุกวันนี้ผู้สูงอายุมีความคล่องแคล่วและกระฉับกระเฉงมากขึ้น ซึ่งกลุ่มนี้ต้องการเทคโนโลยีในการช่วยเหลือการขับขี่และความสะดวกสบาย