posttoday

นิสสันผลิตอีวีไทยเฮส่งออก1ล้านคัน

18 มกราคม 2562

นิสสันรอบีโอไอเคาะ ส่งเสริมลงทุน มั่นใจฐานผลิตไทยคุณภาพสูง ล่าสุดฉลองส่งออกครบ 1 ล้านคัน

นิสสันรอบีโอไอเคาะ ส่งเสริมลงทุน มั่นใจฐานผลิตไทยคุณภาพสูง ล่าสุดฉลองส่งออกครบ 1 ล้านคัน

นายยูตากะ ซานาดะ รองประธานอาวุโสของนิสสันเอเชียและโอเชียเนีย เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีศักยภาพการผลิตรถยนต์ที่มีคุณภาพระดับโลก และยังสามารถผลิตพร้อมทั้งส่งกลับไปยังญี่ปุ่นได้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาให้ไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) นอกญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก จากศักยภาพ ดังกล่าวที่มีของไทย โดยคาดว่าจะผลิตเพื่อรองรับตลาดในประเทศและรองรับการส่งออกในอนาคต

"เราได้มีการพิจารณาจริงภายในบริษัท แต่ขณะนี้อาจจะยังไม่สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกได้ ซึ่งเร็วๆ นี้จะมีคำตอบ ที่กระจ่างชัด" นายซานาดะ กล่าว

นอกจากนี้ ในช่วงสิ้นปี 2560 บริษัทได้ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนต่อสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในส่วนของเทคโนโลยีไฮบริด ซึ่งบริษัทจะมีการนำเสนอเทคโนโลยีอี-พาวเวอร์ลงสู่ตลาด

นายอันตวน บาร์เตส ประธานนิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า การสิ้นสุดระยะเวลาขอรับส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในส่วนของเทคโนโลยียานยนต์ ไฟฟ้า (อีวี) ในช่วงปลายปี 2561 ที่ผ่านมานั้น บริษัทได้ทำงานร่วมกับบีโอไอ อย่างใกล้ชิด โดยขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ซึ่งจะต้องรอการประกาศจากบีโอไอในเร็วๆ นี้

สำหรับเทคโนโลยีรถอีวีในต่างประเทศของนิสสันนั้น มีเทคโนโลยีที่พร้อมนำเสนอสู่ตลาดในรถยนต์ทุกประเภท ซึ่งบริษัทมองว่าเทคโนโลยีอี-พาวเวอร์เป็นเทคโนโลยีเชื่อมโยงระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในกับรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต

ขณะที่การสนับสนุนของรัฐบาลเพื่อให้เทคโนโลยีรถอีวีเกิดขึ้นในไทยนั้น มีการส่งเสริมในภาคผู้ผลิตจากการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ แต่ในแง่ของผู้บริโภคนั้นยังไม่มีความชัดเจนเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว อาทิ ช่องทางพิเศษสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ที่จอดรถพิเศษ เป็นต้น

นายบาร์เตส กล่าวว่า การสนับสนุนที่ส่งผลให้ตลาดรถอีวีเกิดขึ้นนั้นจะต้องประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือ 1.ภาคผู้ผลิต และ 2.ภาคผู้บริโภค ซึ่งไทยได้ส่งเสริมภาคผู้ผลิตแล้ว แต่ถ้าหากมีการส่งเสริมในภาคผู้บริโภคจะยิ่งสนับสนุนให้ตลาดเกิดขึ้นโดยเร็ว โดยอาจจะต้องทำทั้งสองส่วน ควบคู่กันไป

ด้านยอดขายปีงบประมาณ 2561 (มี.ค. 2561-เม.ย. 2562) ของบริษัท คาดว่าจะเติบโตเหนือการคาดการณ์เดิม ที่จะมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 6.9% เพิ่มขึ้นเป็น 7.5% จากภาพรวมตลาดเติบโตและความมั่นใจของผู้บริโภครวมถึงสภาวะเศรษฐกิจเติบโต

ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทได้จัดงานฉลองความสำเร็จในการผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออกรถยนต์ครบ 1 ล้านคัน นับตั้งแต่เริ่มส่งออกตั้งแต่ปี 2542 โดยตลาดที่ส่งออกสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย และญี่ปุ่นตามลำดับ และในปีงบประมาณ 2561 บริษัทติดอันดับ 1 ใน 5 ของผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์ของอุตสาหกรรม