posttoday

ตลาดบิ๊กไบค์หดตัวครั้งแรกในรอบ10ปี

04 มกราคม 2562

จับตาสาเหตุบรรยากาศไม่เอื้ออำนวยในการซื้อ เน้นกิจกรรมสร้างกิจกรรมหนีการแข่งขันรุนแรง คู่แข่งโดดร่วมวงรถราคาจับต้องง่าย

จับตาสาเหตุบรรยากาศไม่เอื้ออำนวยในการซื้อ เน้นกิจกรรมสร้างกิจกรรมหนีการแข่งขันรุนแรง คู่แข่งโดดร่วมวงรถราคาจับต้องง่าย

น.ส.จินตนา อุดมทรัพย์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ (บิ๊กไบค์) ขนาดเครื่องยนต์ 400 ซีซีขึ้นไป เริ่มมีแนวโน้มชะลอตัวเนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายไม่เอื้ออำนวย เพราะส่วนหนึ่งบิ๊กไบค์เป็นสินค้าไลฟ์สไตล์ ซึ่งอาจจะต้องมีบรรยากาศในการซื้อขายที่ดี

ทั้งนี้ คาดว่าจบปี 2561 ตลาดรถบิ๊กไบค์นั้นจะมีอัตราลดลงราว 5% หรืออยู่ที่ 3.3 หมื่นคัน จากปีก่อนที่อยู่ที่ 3.4 หมื่นคัน จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ของตลาดรถบิ๊กไบค์ที่ติดลบหรือไม่เติบโต

“แม้ว่าตลาดรถบิ๊กไบค์จะติดลบหรือไม่เติบโตในรอบ 10 ปี แต่รถบิ๊กไบค์ระดับราคาต่ำกว่า 4 แสนบาท ยังเป็นตัวช่วยในการพยุงตลาดไว้ไม่ให้ลดลงรุนแรงไปมากกว่านี้ได้” น.ส.จินตนา กล่าว

สำหรับการแข่งขันในตลาดรถบิ๊กไบค์มีการแข่งขันที่รุนแรงสูงทั้งในด้านโปรโมชั่นและการตั้งราคา เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด เนื่องจากผู้เล่นรายใหม่ลงสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ยามาฮ่าพยายามหลีกเลี่ยงการแข่งขันที่รุนแรงด้วยการเน้นการจัดกิจกรรมการสัมผัสผลิตภัณฑ์ อาทิ เดโมเดย์ แทร็กเดย์ ซึ่งเชิญลูกค้ากลุ่มเป้าหมายและผู้ที่สนใจเข้ามาร่วมกิจกรรมให้รับรู้ได้ถึงคุณภาพผลิตภัณฑ์

อย่างไรก็ตาม ยอดขายรถบิ๊กไบค์ของบริษัทปี 2561 คาดว่าจะอยู่ที่ 2,600 คัน ซึ่งเติบโตเหนือตลาด โดยเน้นการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์และการสร้างคอมมูนิตี้ สำหรับผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์แต่ละกลุ่มของบริษัท

นายวิมัล ซุมบ์ลี หัวหน้าฝ่ายธุรกิจประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก รอยัล เอนฟิลด์ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดกลาง (มิดไซส์) เครื่องยนต์ขนาด 250-750 ซีซี ราคาเฉลี่ยเริ่มต้น 2-4 แสนบาท ในปี 2561 คาดว่าในปีนี้ตัวเลขตลาดจะปิดตัวเลขอยู่ที่ 6 หมื่นคัน หรือเติบโตขึ้น 25% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งการมีผู้เล่นในตลาดเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และมีการขยายฐานลูกค้าลงมาในกลุ่มระดับราคาเริ่มต้นมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ตลาดมีการขยายตัวและเกิดการแข่งขันที่รุนแรงจากความใกล้เคียงของผลิตภัณฑ์และการแข่งขันของราคา โดยปี 2562 คาดว่าตลาดดังกล่าวจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 25% จากปีก่อน

“การตั้งราคาจำหน่ายที่เข้าถึงง่ายของผู้เล่นในตลาดเวลานี้ ส่งผลดีต่อการขยายตัวของตลาด แต่บริษัทมองว่าการสร้างจุดแข็งของผลิตภัณฑ์และความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจะสร้างความแตกต่างที่น่าสนใจ เพราะผู้บริโภคปัจจุบันไม่ได้ซื้อรถจักรยานยนต์ที่มีราคาเข้าถึงง่ายเพียงอย่างเดียว แต่มองหาการสะท้อนตัวตนของผลิตภัณฑ์” นายซุมบ์ลี กล่าว