รถอีวีดันยอดปอร์เช่

ปอร์เช่ หวังขายทั่วโลกเติบโต 50% มาจากรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในปี 2568 เร่งสร้างความเชื่อมั่นผู้บริโภค

น.ส.คาลิสต้า ทัมบายอง หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ ปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิค เปิดเผยว่า การเติบโตด้านยอดจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่โดยเฉพาะในกลุ่มปลั๊ก-อิน ไฮบริดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเติบโตขึ้นทุกปี ซึ่งประเทศไทยถือเป็นส่วนสำคัญของการเติบโตดังกล่าว

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลให้เติบโตคือ การเปิดตัวเทคโนโลยีปลั๊ก-อิน ไฮบริด ในรถยนต์ปอร์เช่รุ่นต่างๆ ได้แก่ ปอร์เช่ พานาเมร่า อี-ไฮบริด, ปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ และปอร์เช่ คาเยนน์ อี-ไฮบริด ที่ล่าสุดได้มีการเปิดตัวรุ่นใหม่ลงสู่ตลาดในประเทศ เมื่อเร็วๆ นี้

นอกจากนี้ ในปี 2562 ปอร์เช่ เตรียมการเปิดตัว ปอร์เช่ ไทคานน์ ซึ่งเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (อีวี) ลงสู่ตลาดโลก และคาดว่าจะวางจำหน่ายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ภายในปี 2563 ที่คาดว่าจะช่วยผลักดันยอดขายให้เติบโตตามที่วางไว้ว่า จะมียอดขายจำนวน 50% ของยอดขายรวมทั่วโลกมาจากรถยนต์พลังงานที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าภายในปี 2568

"ในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิกค่อนข้างมีความแตกต่างกันในแต่ละประเทศ ทั้งในด้านนโยบายภาครัฐ ความพร้อมในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งสำหรับในประเทศไทยเรามองว่ารุ่นปลั๊ก-อินไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าจะพัฒนาขึ้นมาเป็นยอดขายหลักของปอร์เช่ในอนาคต" น.ส.ทัมบายอง กล่าว

ขณะที่การสร้างการรับรู้แบรนด์และความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภค บริษัทได้เน้นการขยายสถานีชาร์จไฟฟ้าในพื้นที่ที่สะดวกต่อการเข้าถึงของผู้บริโภค อาทิ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม และสนามกอล์ฟ ทั้งผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายปัจจุบันและรองรับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะลงสู่ตลาดในอนาคต โดยปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดการขยายตัวของความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ทั่วโลกคือ สิ่งอำนวยความสะดวกและความน่าเชื่อถือของระบบไฟฟ้า

น.ส.ทัมบายอง กล่าวว่า ความเป็นไปได้ที่จะเกิดเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ส่วนหนึ่งมาจากความนิยมในประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ จะกระตุ้นบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ให้มองเห็นความสำคัญและจะทยอยขยายตัวสู่ตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคต่อไป

นายอริย์ธัช เฉลิมพงศ์ ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่ กล่าวว่า ยอดจองรถยนต์ปอร์เช่ ในประเทศไทย 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) ของปีนี้ อยู่ที่ 445 คัน เติบโตขึ้น 34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นรุ่นเทคโนโลยีปลั๊ก-อิน ไฮบริด จำนวน 228 คัน เติบโตขึ้น 38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นสัดส่วน 51% ของยอดจองรวม สะท้อนให้เห็นถึงการตอบรับที่ดีของผู้บริโภค

ภาพประกอบข่าว