posttoday

บีเอ็มฯ เผยวิสัยทัศน์สู่ยานยนต์ดิจิทัล

09 มิถุนายน 2561

เดินหน้าต่อยอดวิสัยทัศน์นวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคตอย่างต่อเนื่องสำหรับ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

โดย...สไปรท์

เดินหน้าต่อยอดวิสัยทัศน์นวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคตอย่างต่อเนื่องสำหรับ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ซึ่งในปีนี้ถือเป็นโอกาสครบรอบ 20 ปี เทคโนโลยีเชื่อมต่อของบีเอ็มฯ (BMW ConnectedDrive) ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่น ที่ติดตั้งอยู่ในรถยนต์บีเอ็มฯ จำนวนกว่า 10 ล้านคันใน 45 ประเทศทั่วโลก

ล่าสุด บีเอ็มฯ ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สำหรับ BMW ConnectedDrive ภายใต้วิสัยทัศน์ Number One > Next ของบีเอ็มฯ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งสู่อนาคตยานยนต์ในโลกยุคดิจิทัล โดย บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้แนะนำเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม Open Mobility Cloud ของบีเอ็มดับเบิลยู ร่วมกับระบบคลาวด์อัจฉริยะระดับโลก ไมโครซอฟท์ อาซัวร์ ที่ช่วยให้ BMW ConnectedDrive สามารถปลดล็อกทุกขีดจำกัดของเทคโนโลยีล้ำยุค และมอบประสบการณ์เหนือระดับจากมิติการเชื่อมต่อแบบครบวงจร เพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยระดับพรีเมียมอย่างเต็มประสิทธิภาพ

BMW ConnectedDrive สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู iPerformance ผู้ใช้งานจะสามารถควบคุมระบบต่างๆ ของรถได้จากระยะไกล อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับรถได้ผ่านแอพพลิเคชั่น BMW Connected บน iPhone โดยบริการใหม่สำหรับรถปลั๊กอิน ไฮบริด ได้แก่ 1.การแสดงสถานะรถยนต์ทั้งระดับของแบตเตอรี่ ระยะทางที่คาดว่า จะวิ่งได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เหลืออยู่ และข้อมูลเกี่ยวกับการบำรุงรักษารถ 2.การควบคุมการชาร์จพลังงานไฟฟ้าและระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารและควบคุมการชาร์จด้วยการตั้งเวลาที่ต้องการได้ 3.ระบบการนำทาง ที่สามารถค้นหาและนำทางไปยังสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุด 4.การประมวลและแสดงผลข้อมูลการขับขี่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ของแต่ละบุคคล โดยวิเคราะห์ รูปแบบการขับขี่และควบคุมรถยนต์บนท้องถนน อีกทั้งยังมีระบบช่วยเหลือฉุกเฉินที่สามารถให้การช่วยเหลือและประสานงานได้เพียงแค่กดปุ่ม SOS ในรถยนต์ปุ่มเดียว รวมถึงการบริการเลขาส่วนตัว รวมถึงการเชื่อมต่อ Apple CarPlay

อเล็กซานเดอร์ คอเทช หัวหน้าฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์บีเอ็มดับเบิลยู ไอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป กล่าวว่า ภายในปี 2568 บีเอ็มฯ จะมีรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ระบบไฟฟ้าทั้งหมด 25 รุ่น ประกอบไปด้วยรถยนต์ไฟฟ้าโดยสมบูรณ์จำนวน 12 รุ่น ขณะที่แบรนด์และสายผลิตภัณฑ์อื่นๆ ภายใต้ความดูแลของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ก็ยังมีเป้าหมายที่จะพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อย่างต่อเนื่องเพื่อเดินหน้าไปสู่ความสำเร็จต่อไป รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มตัวถังและสายพานการผลิตที่มีความยืดหยุ่นสูงตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป รถอีวี ปลั๊กอิน ไฮบริด และเครื่องยนต์สันดาปภายใน จะใช้สายพานการผลิตร่วมกัน อีกทั้งในต่างประเทศยังได้ ร่วมมือกับแบรนด์อาวดี้ เดมเลอร์ ฟอร์ด ปอร์เช่ และโฟล์คสวาเกน ในการพัฒนาสถานีซูเปอร์ชาร์จขนาด 350 กิโลวัตต์ ที่จะช่วยลดระยะเวลาการชาร์จได้อย่างมาก

คริสเตียน วิดมานน์ ประธานบีเอ็ม ดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง BMW ConnectedDrive จะถูกติดตั้งในรถยนต์รุ่นประกอบในประเทศและรถยนต์ที่มีการพัฒนาขึ้นใหม่ นอกจากนั้นเพื่อรองรับการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยที่ได้ตั้งเป้ายอดการใช้รถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดไว้ 1.2 ล้านคัน ภายในปี 2579 บริษัทมีแผนขยายสถานีชาร์จไฟฟ้า ChargeNow เพิ่มขึ้นเป็น 100 หัวจ่ายในปี 2561 จากปัจจุบันอยู่ที่ 50 แห่ง