posttoday

รถไฮ-ลักซ์ชัวรี่แข่งดุ ดึงผู้บริโภคสัมผัสแบรนด์

10 มีนาคม 2561

รถยนต์ระดับไฮ-ลักซ์ ชัวรี่ แข่งรุนแรงหลังผู้เล่นในตลาดต่างงัดกลยุทธ์รูปแบบต่างๆ มาชิงผู้บริโภคระดับบนให้ได้สัมผัสแบรนด์

โดย...พลพัต สาเลยยกานนท์

ตลาดรถยนต์ระดับ ไฮ-ลักซ์ชัวรี่ นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีการแข่งขันที่รุนแรงจากการที่ผู้เล่นในตลาดต่าง งัดกลยุทธ์ในรูปแบบต่างๆ มาเพื่อแย่งชิงผู้บริโภคที่ถือได้ว่าอยู่ในระดับกลุ่มบนซึ่งมีจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับสัดส่วนของตลาดรถยนต์ทั้งตลาด

นอกจากนั้น ด้านตัวผลิตภัณฑ์เองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวนั้นต่างมีจุดเด่นที่เป็นแรงดึงดูดผู้บริโภคให้เข้าหาแบรนด์ของตัวเองซึ่งแตกต่างกันออกไปในแต่ละกลุ่ม แต่มีจุดหนึ่งที่มีความคล้ายคลึงกันของพฤติกรรมผู้บริโภคในกลุ่มนี้นั่นคือ "การซื้อเพื่อสะสม"

ชาญชัย มหันตคุณ กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย กล่าวว่า กลยุทธ์เชิงรุกของบริษัทในปีนี้จะ นำเสนอสินค้าและบริการรูปแบบใหม่ นอกเหนือจากการซื้อขายรถยนต์เพียงอย่างเดียว จึงได้เปิดให้บริการ "จากัวร์ เอ็กซ์ พิเรียนซ์" บริการรถเช่าพร้อมพนักงานขับรถ เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางด้วยรถยนต์จากัวร์ รุ่น เอ็กซ์เจ, เอ็กซ์เอฟ เป็นต้น รวมถึง "แลนด์โรเวอร์ เอ็กซ์พิเรียนซ์" โปรแกรมขับรถท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้ง "จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ คอลเลกชั่น" จำหน่ายสินค้าภายใต้โลโก้จากัวร์และแลนด์โรเวอร์ ส่วน "จากัวร์ แลนด์ โรเวอร์ แอพพรูฟ" จำหน่ายรถยนต์ จากัวร์และแลนด์โรเวอร์มือสอง ซึ่งกลยุทธ์ต่างๆ เหล่านี้มีวัตถุประสงค์ ในการสร้างการรับรู้แบรนด์และการให้ ผู้บริโภคได้สัมผัสถึงผลิตภัณฑ์ของ บริษัทที่มี โดยปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าสะสมจำนวนราว 3,000 ราย

ทั้งนี้ ปี 2561 บริษัทตั้งเป้าเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน โดยปี 2560 บริษัทมีอัตราเติบโตอยู่ที่ 39% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งถือได้ว่าผู้บริโภคให้การตอบรับแบรนด์และผลิตภัณฑ์เป็นอย่างดี และปีนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ 3 รุ่น ในกลุ่มรถอเนกประสงค์ขนาดเล็กหรือคอมแพ็กต์เอสยูวี และรถยนต์ในกลุ่มไฮบริด ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของจากัวร์และแลนด์โรเวอร์ในระดับโลกที่ประกาศไว้ว่าภายในปี 2563 รถยนต์ของบริษัททุกรุ่นจะเป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งทิศทางตลาดรถยนต์ในกลุ่มพลังงานไฟฟ้า อาทิ ไฮบริด, ปลั๊ก-อิน ไฮบริด, อีวี ในประเทศไทย มีศักยภาพของการเติบโตในทิศทางที่ดี จากการสนับสนุนของนโยบายรัฐบาล รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีความสนใจในเทคโนโลยีที่ทันสมัย

อริย์ธัช เฉลิมพงศ์ ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย กล่าวว่า ปีนี้บริษัทใช้กลยุทธ์สร้างการรับรู้แบรนด์เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ที่มีความชื่นชอบหลงใหลในแบรนด์ปอร์เช่ และอยากสัมผัสผลิตภัณฑ์ด้วยแพ็กเกจทัวร์ประเทศมาเลเซียพร้อมกิจกรรมการขับขี่รถยนต์ปอร์เช่ทุกรุ่นในสนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย เพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่และการรับรู้แบรนด์ ภายหลังการจัดตั้ง ปอร์เช่ ไดรฟ์วิ่ง เซ็นเตอร์ ที่ประเทศดังกล่าวเมื่อเร็วๆ นี้

"บริษัทคาดหวังว่าผู้ที่หลงใหลในแบรนด์ของบริษัทยังมีอยู่ในตลาดอีกจำนวนมาก แต่อาจจะยังไม่พร้อมครอบครองเป็นเจ้าของในวันนี้ ซึ่งแพ็กเกจดังกล่าวจะช่วยสร้างความจงรักภักดีต่อแบรนด์ โดยในอนาคตหากลูกค้ากลุ่มดังกล่าวมีความพร้อมเชื่อว่าจะตัดสินใจซื้อและครอบครองเป็นเจ้าของในที่สุด" อริย์ธัช กล่าว

อย่างไรก็ตาม ฐานลูกค้าใหม่ของบริษัทขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 60% ขณะที่ลูกค้าเดิมอยู่ที่ 40% ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการสร้างการรับรู้แบรนด์รวมถึงมีการปรับระดับราคาลงตามโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ส่งผลให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายยิ่งขึ้น

ขณะที่ปี 2561 บริษัทตั้งเป้ายอดจองอยู่ที่ 650 คัน เติบโตขึ้นจากปีก่อนที่มีเป้าหมายยอดจองอยู่ที่ 450 คัน โดยปีที่ผ่านมามียอดจองเกิดขึ้นจริงจำนวน 600 คัน จากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่

นอกจากนี้ บริษัทมองว่าตลาดในประเทศไทยกลุ่มใหญ่ยังคงเป็นตลาดของ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าอาจจะยังไม่ใช่ตลาดของประเทศไทยเวลานี้ เนื่องจากความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานและพฤติกรรมการใช้งาน โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนยอดขายรถยนต์ในกลุ่มดังกล่าวอยู่ที่ 60% ของยอดขายรวม

ปิยะเทพ ศิวากาศ ผู้จัดการทั่วไป มาเซราติ ประเทศไทย โดยบริษัท ดีไซน์ มอเตอร์เวอร์ค ผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์มาเซราติอย่างเป็นทางการ ในเครือบริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) หรือเอ็มจีซี-เอเชีย กล่าวว่า ปี 2561 ถือเป็นปีแรกที่บริษัทเริ่มทำกิจกรรมทางการตลาดในรูปแบบไลฟ์สไตล์มาร์เก็ตติ้ง โดยมีแผนร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในกลุ่มสินค้าแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบริษัทยังมีแผนการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ที่สาขาสยามพารากอนให้เป็นรูปแบบของไลฟ์สไตล์โชว์รูม

สำหรับภาพรวมตลาดรถยนต์ในกลุ่มดังกล่าวมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นกลุ่มของนักสะสมและซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นปัจจัยบวกของตลาดประกอบกับการใช้จ่ายของภาครัฐและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ส่งผลดีต่อเม็ดเงินไหลเวียนเข้าสู่ระบบต่อเนื่องไปยังอัตราผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) อีกทั้งการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ของผู้เล่นในตลาดรวมของบริษัทเอง

ดังนั้น ปีนี้สำหรับตลาดรถยนต์ ระดับไฮ-ลักซ์ชัวรี่ จะน่าจับตาไม่น้อยจากปัจจัยบวกและการสร้างการรับรู้แบรนด์ที่พยายามเข้าถึงผู้บริโภคในทุกสัมผัสด้วยกลยุทธ์ที่แตกต่างกันออกไป