หวั่นนิสสันตรวจรถพลาด20ปี

สื่อญี่ปุ่นเผยนิสสันตรวจรถพลาดนานกว่า 20 ปี ด้านบริษัท สั่งระงับผลิตรถทั่วประเทศ 2 สัปดาห์ -เล็งปรับมาตรการ หวังแก้วิกฤต

สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคของญี่ปุ่นรายงานว่า นิสสัน มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น ดำเนินการผิดพลาดในการตรวจสอบคุณภาพรถยนต์ทุกคันที่ผลิตในญี่ปุ่นเป็นเวลาอย่างน้อย 20 ปี จากการไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนการ ตรวจสอบขั้นสุดท้ายตามที่กระทรวงคมนาคมญี่ปุ่นกำหนด โดยกรณีของ นิสสันยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อภาคอุตสาหกรรมญี่ปุ่น หลังเมื่อไม่นานนี้มีการตรวจพบกรณีโกเบ สตีล บิดเบือนข้อมูลสินค้า มานานกว่า 10 ปี

ด้านโฆษกของนิสสันปฏิเสธแสดงความเห็นต่อรายงานดังกล่าวของ เอ็นเอชเค หลัง ฮิโรโตะ ไซกาวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของนิสสัน เปิดเผยว่า ระบบการฝึกอบรมช่างเทคนิคของบริษัทสำหรับตรวจสอบคุณภาพรถยนต์ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ นิสสันเปิดเผยว่าจะ ระงับการผลิตรถเป็นเวลา 2 สัปดาห์ที่โรงงาน 6 แห่งในญี่ปุ่น ซึ่งมีกำลังการผลิตเฉลี่ยที่ 1,000 คัน/วัน หลังกระทรวงคมนาคมพบว่า บริษัทให้ผู้ตรวจสอบที่ไม่ผ่านการรับรองจากกระทรวงมาตรวจคุณภาพและความปลอดภัยรถยนต์ที่โรงงานทั้งหมดในประเทศ ขณะที่บริษัทจะยังคงผลิตรถที่ส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศต่อ ที่รวมถึงรถเอสยูวีรุ่นโร้ก และรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นลีฟ เนื่องจากกฎการตรวจสอบรถขั้นสุดท้ายไม่ได้บังคับใช้กับรถยนต์ส่งออก

ไซกาวะยังเปิดเผยว่า นิสสันจะปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบคุณภาพรถใหม่ และเพิ่มจำนวนช่างเทคนิคที่ดำเนินการตรวจสอบขั้นสุดท้ายเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว

ขณะเดียวกัน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ ซีเคียวริตี้ คาดการณ์ว่า การระงับการผลิต 2 สัปดาห์จะส่งผลกระทบต่อการขายรถของนิสสันในญี่ปุ่น 2 หมื่นคัน และทำให้บริษัทเสียกำไรไป 1 หมื่นล้านเยน (ราว 2,927 ล้านบาท) ในปีงบการเงินปัจจุบัน

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังบริษัทประกาศเรียกคืนรถ 1.16 ล้านคัน ซึ่งผลิตและวางขายในญี่ปุ่นระหว่างเดือน ม.ค. 2014-ก.ย. 2017 หลังทางการตรวจพบความผิดพลาดในการตรวจสอบรถขั้นสุดท้าย โดยนิสสันคาดการณ์ว่า ค่าใช้จ่ายในการเรียกคืนรถจะอยู่ที่ประมาณ 2.5 หมื่นล้านเยน (ราว 7,317 ล้านบาท)

นอกจากการเรียกคืนรถ บริษัทยังประกาศดำเนินการตรวจสอบรถเพิ่มอีก 3.4 หมื่นคัน ที่ผลิตระหว่างวันที่ 20 ก.ย.-18 ต.ค. โดยการตรวจสอบซ้ำดังกล่าวคาดว่าจะเพิ่มรายจ่ายให้บริษัทอีก 1,000 ล้านเยน (ราว 292 ล้านบาท)