"ยาริส เอทีฟ"รถความหวังของโตโยต้า
จุดเด่นของ “โตโยต้า ยาริส เอทีฟ” คันนี้ คือการออกแบบที่มีเอกลักษณ์สร้างความแตกต่างเมื่อเทียบกับรถยนต์ในระดับเดียวกัน
โดย...พลพัต สาเลยยกานนท์
สัปดาห์นี้อยู่กับรถยนต์จากค่ายโตโยต้าที่ได้เปิดตัวครั้งแรกของโลกที่ประเทศไทยกับ “โตโยต้า ยาริส เอทีฟ” รถยนต์ประหยัดพลังงาน (อีโคคาร์) แบบ 4 ประตูซีดาน ที่ได้อวดโฉมต่อชาวโลกไปแล้วเมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันมียอดจองอยู่ที่ประมาณ 8,000 คัน สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้อยู่ที่ 4,700 คัน/เดือน น่าจะเป็นตัวสะท้อนเสียงตอบรับที่ดีของผู้บริโภคที่มีต่อโตโยต้าที่มีรถเปิดตัวไม่กี่โมเดลในปีนี้ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนั้น จุดมุ่งหมายอีกอย่างหนึ่งที่โตโยต้าคาดหวังไว้คือ การทวงคืนตำแหน่งแชมป์รถยนต์นั่งที่ได้เสียอันดับไปให้กับคู่แข่งในตลาด เช่นเดียวกับในเซ็กเมนต์อีโคคาร์ก็ยังสูญเสียอันดับไปให้คู่แข่งอีกรายหนึ่งเช่นเดียวกัน ดังนั้นเองโมเดลนี้จึงเป็นอีกหนึ่งความหวังของโตโยต้า ที่จะมาเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันยอดขายให้เติบโตตามเป้าที่วางไว้ในปีนี้
“โพสต์ทูเดย์” ได้ร่วมเดินทางไปลองขับรถยนต์รุ่นดังกล่าวบนเส้นทางกรุงเทพฯ-จันทบุรี ระยะทางรวมกว่า 400 กิโลเมตร ซึ่งสภาพถนนมีความหลากหลาย และรูปแบบการลองขับยังสามารถเรียกสมรรถนะของตัวรถออกมาได้เป็นอย่างดี แม้สภาวะอากาศจะไม่เอื้ออำนวยด้วยการมีฝนตกลงมาก็ตาม
จุดเด่นของ “โตโยต้า ยาริส เอทีฟ” คันนี้ คือการออกแบบที่มีเอกลักษณ์สร้างความแตกต่างเมื่อเทียบกับรถยนต์ในระดับเดียวกันที่มีอยู่ในตลาด อีกทั้งสิ่งที่โตโยต้าต้องการนำเสนอถึงจุดเด่นในเรื่องของความปลอดภัย ที่ให้มากกว่ารถยนต์ในระดับเดียวกันที่มีอยู่ในตลาด
การออกแบบภายนอก สำหรับรุ่นที่ได้ลองขับคือรุ่น S ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดในโมเดลนี้ หน้าตาดูดีโฉบเฉี่ยวมีสไตล์ ดูแล้วกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่นหรือใครที่มีหัวใจวัยรุ่นน่าจะชื่นชอบไม่น้อย ที่โดดเด่นเลยคือกระจังหน้าขนาดใหญ่พร้อมไฟหน้า-หลังแบบโปรเจกเตอร์ รมดำตกแต่งด้วยวงแหวนสีแดง รวมถึงไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (เดย์ไทม์รันนิ่งไลต์) พร้อมกระจังหน้าโครเมียมรมดำตกแต่งด้วยแถบสีแดงบริเวณด้านล่างและตรงกระจกมองข้าง ซึ่งเป็นข้อแตกต่างเมื่อเทียบกับรุ่น E และ G
สำหรับภายในห้องโดยสาร สามารถเลือกได้ 2 สี คือ 1.สีดำเปียโนแบล็ก และ 2.สีเบจ ในรุ่น E และ G และหากเป็นรุ่น S จะมีด้ายแดงตกแต่งคล้ายกับรุ่น TRD Sport โดยอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีมาให้ในรุ่น S ครบถ้วนเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัจฉริยะ (Push Start) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมจอแอลซีดี กล้องมองขณะถอยหลัง ซึ่งคุณภาพวัสดุภายในที่ใช้ถือได้ว่าดีระดับหนึ่งเลยทีเดียว
เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.2 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว DUAL VVT-i ให้กำลังสูงสุด 86 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 108 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ระบบจ่ายน้ำมัน หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์แบบ EFI รองรับสูงสุด น้ำมันเชื้อเพลิง E20 มาตรฐานไอเสีย EURO4 ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i พร้อม Shift Lock
ส่วนช่วงล่างปรับจูนคอยล์สปริงและโช้กใหม่ระบบกันสะเทือนด้านหน้าอิสระแบบแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลงด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม และคอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลง อีกทั้งการดีไซน์ตามหลักอากาศพลศาสตร์ ทำให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำ พร้อมหลังคาแบบ Catamaran ลดการปะทะของแรงลม พร้อมฟินบริเวณกระจกมองข้าง ไฟหลัง และเสาอากาศ
อารมณ์ความรู้สึกที่สัมผัสได้คือ แม้อัตราเร่งช่วงต้นจะไม่ได้ปรู๊ดปร๊าดทันใจ รวมถึงอัตราเร่งขณะแซงที่ต้องเผื่อจังหวะไว้ให้ดี แต่เมื่อทำความเร็วไปได้สักระยะรอบความเร็ว และความนุ่มนวลของการเปลี่ยนเกียร์เป็นจุดที่น่าสนใจ ขณะที่ต้องชื่นชมคือช่วงล่างของรถคันนี้ที่ไว้ใจได้หายห่วงที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้คือ ระบบความปลอดภัยต่างๆ แบบจัดเต็ม อาทิ VSC, TRC, EBD, ABS, BA, HAC และกุญแจอัจฉริยะ ระบบสัญญาณเตือนสิ่งกีดขวางขณะถอยหลัง ระบบไฟส่องสว่างหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow-Me-Home) ถุงลมเสริมความปลอดภัยระบบ SRS 7 ตำแหน่ง ชุดซ่อมยางฉุกเฉินพร้อมที่ปั๊มลม
การเปิดตัวของโตโยต้า ยาริสเอทีฟ ครั้งนี้สร้างความคึกคักให้กับตลาดไม่น้อยด้วยทางเลือกใหม่ ราคาจำหน่ายช่วงแนะนำตั้งแต่วันนี้-31 ต.ค. 2560 อยู่ที่ 4.69-6.19 แสนบาท ด้วยความคุ้มค่าและราคาที่น่าสนใจ เหมาะที่จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการประกอบการตัดสินใจเลยทีเดียว