posttoday

รายใหญ่ปลุกตลาด "อีโคคาร์" เดือด

18 กันยายน 2560

ตลาดรถยนต์ประหยัดพลังงาน ดูเหมือนว่าในปีนี้จะมีความเข้มข้นทางด้านการแข่งขันขึ้นมาอีกครั้ง

โดย...พลพัต สาเลยยกานนท์

ตลาดรถยนต์ประหยัดพลังงาน ดูเหมือนว่าในปีนี้จะมีความเข้มข้นทางด้านการแข่งขันขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดอย่าง โตโยต้า จุดพลุสัญญาณเปิดศึกระลอกใหม่อีกครั้ง หลังจากซุ่มเงียบมาอย่างยาวนาน ด้วยการเปิดตัวรถยนต์ในกลุ่มดังกล่าวถึง 2 รุ่นในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน

วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า การแข่งขันในรถยนต์กลุ่มอีโคคาร์นั้นแข่งขันที่การมอบความคุ้มค่าให้กับผู้บริโภค ซึ่งบริษัทนำเอาเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่มีมากกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน พร้อมกับข้อเสนอพิเศษที่มอบให้ จึงเชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นตลาดและส่งผลให้บริษัทสามารถรักษาอันดับ 1 ในตลาดรถยนต์นั่งได้อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม โปรแกรมดังกล่าวปัจจุบันได้แนะนำเฉพาะใน โตโยต้า ยาริส เอทีฟ และโตโยต้า ยาริส แฮทช์แบ็ก รุ่นปรับปรุงใหม่เท่านั้น ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาขยายสู่รถยนต์รุ่นอื่นๆ ของ โตโยต้าในอนาคต โดยคาดว่าจะสามารถช่วยให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจในการเป็นเจ้าของรถยนต์โตโยต้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

สำหรับการเปิดตัวล่าสุดของ โตโยต้า ยาริส แฮทช์แบ็ก รุ่นปรับปรุงใหม่ โดยตั้งเป้ายอดขายในปี 2560 ไว้ที่ 3,200 คัน/เดือน พร้อมราคาพิเศษช่วงแนะนำเริ่มต้นที่ 4.79-6.09 แสนบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมเฉลี่ย 1 หมื่นบาท ขณะที่เมื่อคิดมูลค่าอุปกรณ์ที่ใส่เพิ่มเข้าไปที่มีมูลค่าอยู่ที่ 4-5 หมื่นบาท ถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์ด้านความคุ้มค่าที่บริษัทมอบให้ผู้บริโภค

ขณะที่ โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ที่ได้เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2560 จนถึงปัจจุบันมียอดจองอยู่ที่ 4,000 คัน จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4,700 คัน จากการเก็บข้อมูลพบว่ายังมีลูกค้าอีกราว 5,000 ราย ที่รอดู โตโยต้า ยาริส แฮทช์แบ็ก ใหม่ ที่เปิดตัวในวันที่ 14 ก.ย. 2560 จึงคาดว่าหลังจากนี้ยอดขายในกลุ่มอีโคคาร์ของโตโยต้าจะเติบโตขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทได้มอบข้อเสนอพิเศษเพื่อให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์โตโยต้าได้ง่ายขึ้นด้วยโปรแกรม คอนวินิ-เอ็กซ์ (Convini-EXT) ที่มีสิทธิประโยชน์ 3 รายการ ได้แก่ เงินดาวน์-ดอกเบี้ยต่ำ ประกันภัย และการขยายรับประกันคุณภาพจาก 3 ปี 1 แสนกิโลเมตร เป็น 5 ปี 1.5 แสนกิโลเมตร สามารถนำโปรแกรมดังกล่าวไปรวมไว้ในยอดจัดซื้อของสถาบันการเงิน (ไฟแนนซ์) เพื่อลดภาระด้านค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องไปไว้ในยอดผ่อนต่อเดือน ซึ่งมีอัตราผ่อนเฉลี่ยต่อเดือนเพิ่มขึ้นราว 234 บาท/เดือน

“ราคาพิเศษช่วงแนะนำตั้งแต่วันนี้-31 ต.ค.นี้ บริษัทยืนยันว่าจะเป็นราคาเฉพาะในช่วงแนะนำเวลาเท่านั้น และในวันที่ 1 พ.ย. 2560 จะมีการปรับขึ้นราคาเป็นราคาปกติสำหรับรถยนต์ทั้ง 2 รุ่นดังกล่าว”วุฒิกร กล่าว

วัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเปิดตัวรถใหม่ของผู้เล่นในตลาด ถือได้ว่าสร้างสีสันให้กับตลาดที่มีความคึกคักยิ่งขึ้นทั้งในรุ่น 4 ประตู และ 5 ประตู ส่งผลให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการตัดสินใจเพิ่มมากขึ้น แต่ละบริษัทมีเอกลักษณ์และจุดเด่นเป็นของตัวเอง เช่น ซูซูกิ มีจุดเด่นที่ความสนุกสนานในการขับขี่ ด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (ครูซคอนโทรล) และเกียร์ ทริปทรอนิกส์ เป็นต้น

พร้อมกันนี้ มองว่าท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงของโปรโมชั่นในตลาดรถยนต์เวลานี้ ซึ่งมีการกระตุ้นกำลังซื้อหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับการทำการตลาดของแต่ละบริษัท นอกเหนือจากเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่แล้วนั้น บริษัทมองว่าการทำให้ลูกค้าไม่ลังเลที่จะออกรถและสามารถเป็นเจ้าของรถได้จริงนั้นเป็นกลยุทธ์ที่บริษัทใช้เป็นวิธีการทำตลาด

ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ช่วงเวลาที่ผู้เล่นในตลาดเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่จะสร้างความคึกคักได้ไม่น้อยและทำให้ผู้บริโภคมีข้อเปรียบเทียบในการตัดสินใจซื้อได้เพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทมีกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายรวมถึงการทำการสื่อสารและโปรโมชั่นชัดเจนอย่างต่อเนื่อง และได้เปิดตัว มาสด้า 2 ใหม่ไปตอนต้นปี จนกระทั่งล่าสุดรถยนต์รุ่นดังกล่าวเป็นโมเดลที่ขายดีที่สุดในตลาดรถยนต์นั่งในเดือน ส.ค. ด้วยยอดขาย 2,800 คัน

ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ส่งสัญญาณให้รู้ว่า ตลาดอีโคคาร์คงเป็นตลาดที่ร้อนแรงด้านการแข่งขันครั้งใหม่ หลังจากรายใหญ่ปลุกตลาดนี้ด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่และข้อเสนอที่โดนใจผู้ซื้อ แน่นอนว่าผู้เล่นในตลาดก็เตรียมรับมือเพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ไม่ให้ถูกแย่งชิงไปได้อย่างง่ายดายเช่นกัน