posttoday

ขายรถยนต์ไฟฟ้า คันละ3แสนปีหน้า

09 กันยายน 2560

เวิลด์เอนเนอร์จีฯลงทุน 2.58 หมื่นล้าน ตั้งโรงประกอบรถยนต์-มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า แย้มขายรถยนต์ไฟฟ้า 3 แสน ปี 2561

เวิลด์เอนเนอร์จีฯลงทุน 2.58 หมื่นล้าน ตั้งโรงประกอบรถยนต์-มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า แย้มขายรถยนต์ไฟฟ้า 3 แสน ปี 2561

นายรัฐกฤช เนติรฐนนท์กุล ประธานบริษัท เวิลด์ เอนเนอร์จี กรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมใช้เงินลงทุนกว่า 2.58 หมื่นล้านบาท (760 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อตั้งโรงงานประกอบยานยนต์ไฟฟ้า แบ่งเป็นลงทุนโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก 600 ล้านดอลลาร์ กำลังการผลิต 1 หมื่นคัน/ปี คาดจะเริ่มผลิตใน 2 ปี เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัทกับบริษัท อินเตอร์แพลน ประเทศไนจีเรีย และลงทุนประกอบรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 160 ล้านดอลลาร์ กำลังการผลิต 6 หมื่นคัน/ปี เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัทกับบริษัท เบนหลิง ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน คาดว่าผลิตได้ต้นปี 2561

สำหรับแผนธุรกิจจะผลิตจำหน่ายภายใต้แบรนด์ “อีท่า” (ETA) ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ตั้งเป้ายอดขายรถยนต์ 1,000 คัน ภายในปี 2561 โดยจะนำเข้าจากต่างประเทศมาจำหน่ายก่อน และปี 2562 ตั้งเป้าโต 30% ตั้งราคาขายราคาเริ่มต้น 3 แสนบาท/คัน และหากโรงงานเสร็จคาดว่าจะลดราคาลง 5-10% พร้อมหวังยอดขายโต 40-50%

ขณะที่ตั้งเป้ายอดขายรถจักรยานยนต์ 1 หมื่นคัน ภายในปี 2561 และเพิ่มเป็น 6 หมื่นคัน ภายใน 5 ปีจากนี้ โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 4 หมื่นบาท/คัน บริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดรถจักรยานยนต์ไว้ที่ 3% จากตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศ 2 ล้านคัน

“บริษัทเชื่อมั่นว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยจะมีทิศทางการเติบโตที่รวดเร็วตามแผนการสนับสนุนของรัฐบาล ซึ่งบริษัทมองว่าภายใน 3 ปี จะสามารถคืนทุนได้ โดยบริษัทใช้ฐานการวิจัยและพัฒนาในประเทศไทยมุ่งเน้นให้เป็นโปรดักต์ ออฟ ไทยแลนด์ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในการพัฒนาโดยฝีมือคนไทย” นายรัฐกฤช กล่าว

ด้านแผนขยายผู้แทนจำหน่ายจะตั้งผู้แทนจำหน่ายรถยนต์อยู่ที่ 23 แห่ง และผู้แทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ 83 แห่ง ภายในปี 2561 พร้อมทั้งมีแผนส่งออกรถยนต์ละรถจักรยานยนต์ในสัดส่วน 60% ของกำลังการผลิตไปประเทศไนจีเรีย อินเดีย เอธิโอเปีย ภายหลังสร้างโรงงานเสร็จ ส่วนแผน 3 ปีจะเพิ่มรุ่นรถยนต์นั่งไฟฟ้าขนาดกลางเพื่อขยายตลาดตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้ บริษัทจะใช้เงินลงทุน 300 ล้านบาท ขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 500 แห่งภายในปี 2561 และจะเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 แห่ง ภายในปี 2565 โดยเน้นขยายในพื้นที่ศูนย์ราชการ อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า และโรงพยาบาล เป็นต้น

นายรัฐกฤช กล่าวว่า ถึงแม้มาตรการด้านข้อกำหนดยังไม่ชัดเจน แต่บริษัทมั่นใจว่ารัฐบาลจะคงเดินหน้าโครงการดังกล่าวอย่างแน่นอน พร้อมทั้งการตอบรับของผู้บริโภคและภาคเอกชนมีแนวโน้มที่จะส่งผลให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้นในประเทศไทยในระยะเวลาอันใกล้

ภาพประกอบข่าว