posttoday

รถหรูไร้คนขับ อนาคตยานยนต์ปี 2040

06 สิงหาคม 2560

ค่ายรถใหญ่หลายแห่งต่างเร่งลงทุนทั้งในรถพลังงานไฟฟ้าและรถยนต์ไร้คนขับไปพร้อมๆ กัน

โดย...นรินรัตน์ พรหมพิทักษ์

ข่าวรัฐบาลอังกฤษและฝรั่งเศสขีดเส้นตายแบนการผลิตและขายรถยนต์ใช้น้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซินนับตั้งแต่ปี 2040 เพราะต้องการลดมลภาวะทางอากาศ ไม่เพียงสร้างความตื่นตัวให้กับอุตสาหกรรมรถยนต์เท่านั้น แต่ยังปลุกกระแสคาดการณ์รูปแบบรถยนต์ในอนาคตด้วยเช่นกัน

แน่นอนว่ารถยนต์แห่งอนาคตคงหนีไม่พ้นรถพลังงานไฟฟ้า ซึ่งสำนักข่าวบลูมเบิร์กมองว่ารถไฟฟ้ามีแนวโน้มครองสัดส่วนตลาดรถใหม่ในอังกฤษถึง 80% ภายในปี 2040 เนื่องจากต้นทุนผลิตแบตเตอรี่กำลังลดลง ทำให้ราคารถไฟฟ้าถูกลงตามไปด้วย แต่ถ้าแค่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียวคงไม่เพียงพอที่จะดึงดูดใจผู้บริโภคยุคใหม่ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดยิ่งขึ้นในธุรกิจรถยนต์ ซึ่งค่ายรถใหญ่หลายแห่งต่างเร่งลงทุนทั้งในรถพลังงานไฟฟ้าและรถยนต์ไร้คนขับไปพร้อมๆ กัน

รถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับจึงคงเป็นคำตอบที่ตรงจุดที่สุด ซึ่งจะกำหนดรูปแบบการใช้งานรถยนต์ออกเป็น 2 แบบกว้างๆ ด้วยกัน โดยสำหรับรูปแบบแรกนั้น ไมค์ แรมซีย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ การ์ทเนอร์ บริษัทวิจัยเทคโนโลยีในสหรัฐ กล่าวว่า รถยนต์หรูไร้คนขับ คืออนาคตของรถยนต์ในปี 2040

ภายในรถยนต์ยุคปี 2040 จะเต็มไปด้วยความหรูหรา ผมมองว่า รถยนต์ส่วนบุคคลน่าจะมีความน่าตื่นตาตื่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนที่แค่ต้องการใช้รถเดินทางเพียงอย่างเดียวนั้น จะหันไปซื้อรถมือสองหรือใช้บริการขนส่งสาธารณะมากกว่า”แรมซีย์กล่าว พร้อมเสริมว่า รถในอนาคตจะมีฟังก์ชั่นการใช้งานมากมาย เช่น สามารถปรับที่นั่งหันเข้าหากันได้ หรือมีหน้าจอรถที่เต็มไปด้วยรายละเอียดมากมายกว่าในปัจจุบัน

ความเห็นของแรมซีย์สอดคล้องกับ อินเจอนี บริษัทเทคโนโลยีประกันภัยรถยนต์ ที่เปิดเผยว่า นวัตกรรมและเทคโนโลยีจะกลายเป็นคุณสมบัติหลักของรถยนต์ในอนาคต โดยในปี 2045 จะมีการนำเทคโนโลยีต่างๆ มาปรับใช้กับระบบภายในรถยนต์มากยิ่งขึ้น เช่น ใช้ตัวเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือหรือการสแกนม่านตาแทนการใช้กุญแจเปิดรถ และหน้าต่างรถแบบทัชสกรีนหรือสั่งงานผ่านการเคลื่อนไหว หมายความรถยนต์ในอนาคตจะไม่ได้เป็นแค่รถไร้คนขับเท่านั้น แต่จะเป็นรถยนต์อัจฉริยะที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์

ขณะที่รูปแบบรถยนต์แห่งอนาคตอย่างที่ 2 คือรถยนต์จะกลายเป็นบริการสาธารณะ เพราะเมื่อรถขับเคลื่อนได้แบบอัตโนมัติ ผู้คนก็ไม่จำเป็นต้องซื้อรถมาขับเองอีกต่อไปโดยรูปแบบดังกล่าวเริ่มปรากฏขึ้นแล้วในขณะนี้ เช่นบริการให้เช่ารถ หรือบริการไรด์-แชริ่งของอูเบอร์และลิฟต์ ซึ่งผู้ให้บริการไรด์-แชริ่งทั้งสองราย รวมถึงบริษัทไรด์-แชริ่งอื่นๆ ก็เริ่มลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับแล้ว

แรมซีย์ มองว่า รถยนต์ไร้คนขับอาจกลายเป็นบริการมากกว่าจะเป็นทรัพย์สินส่วนบุคคลมากขึ้นเรื่อยๆ คล้ายกับเป็นตัวกลางขนส่งผู้คน โดยไปรับส่งตามจุดบริการต่างๆ แล้วไปให้บริการดังกล่าวกับคนอื่นๆ ต่อไป

ทั้งนี้ แรมซีย์ เสริมว่า รูปแบบการใช้รถยนต์ทั้งสองแบบน่าจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กันภายในปี 2040 ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง ไม่แน่ว่าผู้คนอาจขับรถยนต์กันน้อยลง และการขับรถอาจกลายเป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งแทนการขับเพื่อใช้สัญจรในชีวิตประจำวันก็เป็นได้

ภาพ...เอเอฟพี