posttoday

"ฮุนได" รีแบรนด์เจาะจีน

31 พฤษภาคม 2560

ฮุนไดเตรียมที่จะยกระดับแบรนด์ให้ดูดีในสายตาลูกค้าชาวจีนมากขึ้น

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์ [email protected]

อุตสาหกรรมของเกาหลีใต้กำลังเจอการบอยคอตของลูกค้ารายใหญ่อย่างชาวจีน หลังความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีบังคับให้เกาหลีใต้ต้องเพิ่มศักยภาพทางทหารและให้สหรัฐติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธทาด (THAAD) ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับจีนอย่างมาก จนถึงขั้นขอความร่วมมือชาวจีนบอยคอตสินค้าจากเกาหลีใต้

ฮุนได มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์จากเกาหลีใต้ เป็นหนึ่งในเอกชนเกาหลีใต้ที่ได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดดังกล่าว จนยอดขายของผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 3 ในตลาดปรับตัวลดลง ทว่าปัจจัยดังกล่าวไม่ใช่เป็นปัจจัยเดียวที่ทำให้ฮุนไดต้องเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อเจาะเข้าตลาดจีนให้มากขึ้น

ชาวจีนมองแบรนด์ฮุนไดเป็นเพียงแบรนด์รถยนต์ราคาถูกสำหรับรถแท็กซี่ ขณะที่คู่แข่ง เช่น จี๋ลี่ของวอลโว่ กำลังขึ้นสู่ตลาดบนและเพิ่มการแข่งขันให้เข้มข้นขึ้นอีก โดยสำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ก่อนที่จะมีประเด็นระบบต่อต้านขีปนาวุธ ส่วนแบ่งการตลาดจีนของฮุนไดและเกีย ซึ่งเป็นบริษัทลูก ลดลงเหลือ 8.1% เมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา และอยู่ที่ 5% ในปัจจุบัน

ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ฮุนไดจะต้องเร่งปรับแบรนด์เป็นการด่วน โดยรอยเตอร์ส รายงานอ้างแหล่งข่าวภายในว่า ฮุนไดเตรียมที่จะยกระดับแบรนด์ให้ดูดีในสายตาลูกค้าชาวจีนมากขึ้น ด้วยการเตรียมที่จะเปิดศูนย์สร้างประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์ (Brand Experience Center) ซึ่งมีลักษณะคล้ายพิพิธภัณฑ์ที่ให้ลูกค้าได้เข้ามาสัมผัสกับแบรนด์สินค้า โดยจะเปิดที่ย่านศิลปะ 789 อาร์ท ดิสทริกต์ ศูนย์รวมความเก๋ไก๋ในกรุงปักกิ่ง

ฮุนไดวางแผนศูนย์ดังกล่าวมาตั้งแต่ก่อนเกิดความตึงเครียดกับเกาหลีใต้ โดยยุทธวิธีดังกล่าวเป็นยุทธวิธีที่แบรนด์หรูมักชอบใช้กันเช่น “เมอร์ซิเดส มี” ของบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งมีศูนย์ในจีนเช่นกัน

นอกจากนี้ ฮุนไดเตรียมจะส่งชิ้นส่วนสำเร็จรูปเข้ามาประกอบรถ “เจเนซิส” แบรนด์รถยนต์หรูในจีน ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เทคโนโลยีของฮุนไดหลุดไปอยู่ในมือคู่แข่งชาวจีน เนื่องจากตามกฎหมายรัฐบาลจีนแล้วบังคับให้ต่างชาติต้องทำร่วมทุนกับบริษัทจีนเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าสู่ตลาดจีนได้ แม้ฮุนไดจะต้องเสียภาษีนำเข้า 10% ขณะที่ฮุนไดยังเร่งการออกรถสปอร์ตอเนกประสงค์ (SUV) อีกด้วย

แผนการจะสำเร็จหรือไม่ ยังคงต้องใช้เวลา

“แบรนด์ที่อ่อนแอกว่าผู้ผลิตญี่ปุ่น ทำให้ผมคิดว่าอาจจะต้องใช้เวลามากกว่าที่คาดในการฟื้นฟูแบรนด์และยอดขาย” ฮันซังยุน ผู้อำนวยการเอสแอนด์พี บริษัทจัดอันดับเครดิต กล่าว

ภาพ...เอเอฟพี