สอบภาษีป่วนรถหรู

โดย...ทีมข่าวรถยนต์โพสต์ทูเดย์

การขยายผลตรวจสอบและอายัดรถยนต์นำเข้าที่ต้องสงสัยว่าจะหลีกเลี่ยงภาษีของกรมสอบสวนคดีพิเศษ​ (ดีเอสไอ) ชนิดปูพรมตรวจค้นแบบดาวกระจายทุกจุดทุกแบรนด์รถยนต์หรูระดับอัลตร้าลักซ์ชัวรี่ สปอร์ต ลักซ์ชัวรี่ และซูเปอร์คาร์ ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ไม่ว่าจะเป็นแลมโบร์กินี มาเซราติ โรลส์-รอยซ์ แอสตันมาร์ติน แมคลาเรน และเฟอร์รารี เรียกได้ว่าทำเอาสั่นสะเทือนไปทั้งวงการรถยนต์กันเลยทีเดียว เนื่องด้วยบริษัทที่ถูกเข้าตรวจสอบและอายัดนั้นเป็นบริษัทระดับแถวหน้าของวงการที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวข้องกับการจำหน่ายรถยนต์นำเข้าในแต่ละแบรนด์มาอย่างยาวนาน

ก่อนหน้านี้ กรมสรรพสามิตได้มีการปรับโครงสร้างการสำแดงราคารถยนต์นำเข้า ซึ่งในขณะนั้นว่ากันว่าเป็นการจัดการเหล่าบริษัทผู้นำเข้ารถยนต์อิสระ (เกรย์มาร์เก็ต) ให้เข้ารูปเข้ารอยอยู่ในกฎระเบียบเงื่อนไขการสำแดงราคาที่ถูกต้อง หลังจากหลายต่อหลายฝ่ายเชื่อว่าราคาที่เกรย์มาร์เก็ตสำแดงต่อกรมสรรพสามิตนั้นต่ำกว่าความเป็นจริงมาโดยตลอด ซึ่งการปรับโครงสร้างดังกล่าวนั้นได้ใช้การอ้างอิงจากราคาหน้าเว็บไซต์ของรถยนต์แบรนด์นั้นๆ เพื่อความถูกต้องและเป็นธรรมในการแข่งขัน พร้อมทั้งรักษาผลประโยชน์จากการเก็บภาษีให้กับประเทศชาติ

หากแต่วันนี้เมื่อบริษัทผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการนั้นตกเป็นจำเลยในการสำแดงภาษีเสียเอง จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับธุรกิจในลักษณะนี้ที่คล้ายจะเป็นการผูกขาดทางการค้าจากกลุ่มทุนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และมีตลาดเฉพาะกลุ่มลูกค้าระดับ A+ ที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักธุรกิจร้อยล้านพันล้าน หรือกลุ่มนักการเมือง และบางส่วนที่ไม่สามารถแสดงที่มาของเงินได้อย่างชัดเจน ที่เป็นจุดเริ่มต้นในการล้างบางครั้งใหญ่นี้

ในแง่ของความเชื่อมั่นผู้บริโภคในกลุ่มรถดังกล่าว เชื่อว่าจะต้องหนาวๆ ร้อนๆ กันบ้างจากความกังวลในการขยายผลการตรวจสอบของฐานลูกค้าของบริษัทเหล่านั้น เป็นเหตุผลที่ทำให้เชื่อได้ว่าตลาดรถยนต์ในกลุ่มนี้อาจจะต้องชะลอตัวไปสักระยะ ไม่ใช่สาเหตุของกำลังซื้อผู้บริโภคที่ได้รับ
ผลกระทบต่อสถานการณ์เศรษฐกิจ หากแต่เป็นการใช้จ่ายและการซื้อสินค้าในกลุ่มนี้ที่เริ่มเข้าข่ายมี “ความเสี่ยง” ในการถูกตรวจสอบ

ดังนั้นเอง จากนี้การกอบกู้ชื่อเสียงและความเชื่อมั่นจึงเป็นปัจจัยสำคัญของตลาดที่น่าจับตาอย่างยิ่ง ในการชี้แจงความโปร่งใสของการประกอบธุรกิจ และธรรมาภิบาลของบริษัทในฐานะผู้ที่ตกเป็นจำเลยของสังคม รวมถึงการสื่อสารไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมายถึง “ความปลอดภัย” ในการซื้อสินค้าและบริการกับบริษัทเหล่านั้น

“โพสต์ทูเดย์” ได้สอบถามไปยังบริษัทต่างๆ ที่ตกเป็นจำเลยบนหน้าหนังสือพิมพ์ทุกบริษัท แต่ได้รับการปฏิเสธการตอบคำถามหรือการชี้แจงใดๆ ด้วยเหตุผลที่ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพื่อนำไปชี้แจงต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงคดีอยู่ระหว่างการสอบสวนและพิจารณา จึงไม่อยากให้กระทบต่อรูปคดีและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค โดยให้เป็นไปตามกระบวนการของการพิจารณาคดีจนกว่าจะสิ้นสุด

สถานการณ์ขณะนี้ต้องเรียกว่าเข้าขั้น “วิกฤต” ของตลาดรถยนต์หรูเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ซึ่งเป็นที่จับตาอย่างใกล้ชิดของสังคมต่อความโปร่งใสของกระบวนการพิจารณา และการชี้แจงของฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อีกไม่นานก็คงรู้ว่าผลออกมาจะเป็นเช่นไร