posttoday

HARLEY DAVIDSON 2014

03 กุมภาพันธ์ 2557

Harley-Davidson เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ปี 2014 ภายใต้โปรเจค “Rushmore”

เรื่องโดย Superbird/ภาพโดย: Courtesy of Harley-Davidson / https://www.facebook.com/fastbikesthailand

 

HARLEY DAVIDSON 2014

การเปิดตัวในครั้งนี้จัดขึ้นที่ Golden Palm Tree Iconic Resort & Spa เมืองเซปัง ประเทศมาเลเซีย โดยมีเจ้าหน้าที่ CEO ระดับสูงจาก Harley-Davidson Museum เป็นประธานกล่าวเปิดงานและชี้แจ้งราย-ละเอียดของโปรเจค “Rushmore” พร้อมนำรถจักรยานยนต์ Harley-Davidson รุ่น Ultra limited 103 Twin Cooled, Ultra Classic Twin Cam 103 และรุ่นต่างๆ ที่ได้รับการปรับปรุง เพิ่มเติมเรื่องความสะดวกสบายและความปลอดภัย รวมถึงพละกำลังในการขับขี่ได้รับการ-พัฒนาไปในทิศทางเดียวกันให้ออกมาเป็นจักรยานยนต์ที่ตอบสนองและเติมเต็มความต้องการของผู้ใช้สูงสุดในรอบ 110 ปี

รายละเอียดทั้งหมดของโปรเจคนี้ก่อกำเนิดเป็นพลังขับเคลื่อนซึ่งรวมตัวกันอย่างสมบูรณ์แบบเรียกว่า “Power Trains” เพื่อเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงพลังที่แท้จริง Harley จึงจัดให้มีการทดสอบศักยภาพของรถ H-D ทุกรุ่นกว่า 10 คัน ผ่านเส้นทางการทดสอบอันหลากหลายไม่ว่าจะเป็นการขี่ฝ่าจราจร ในเขตชุมชนที่ต้องควบคุมความเร็วต่ำ การรักษาบาลานซ์น้ำหนักระหว่างคนกับรถ การใช้ความเร็วสูงบนเส้นทางซูเปอร์ไฮเวย์ เส้นทางขึ้นลงเขาที่ใช้กำลังแรงบิดเอนจิ้นเบรคและระบบเบรด ABS แบบเต็มๆ รวมถึงการบังคับมุมเลี้ยวทั้งซ้าย/ขวา โค้งแคบและกว้างด้วยความเร็วสูงเป็นระยะทางทั้งหมดกว่า 225 กม. ใช้เส้นทางเป็นวงกลมจากเซปังผ่านสิมิรันและวนกลับมาเซปังอีกครั้งจากทางซ้าย โดยมีเจ้าหน้าที่จาก H-D เป็นผู้เลือกรถและอีก 2 ท่านจาก H-D อเมริกาขี่นำและตามขบวนปิดท้าย...ก่อนเข้าสู่บททดสอบสมรรถนะ เรามาดูกันก่อนว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่บอกได้เลยว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้...โดนใจจริงๆ!

อะไรคือโปรเจค Rushmore

ในปี 2014 Harley-Davidson ได้พลิกโฉมรถมอเตอร์ไซค์ทัวริ่งภายใต้โปรเจค “Rushmore” ออกมาเป็นรถที่มีการสร้างแบบ “คัสตอมเมด” ตั้งแต่หัวจรดท้าย เพื่อสุนทรียภาพและนิยามใหม่ของการขับขี่ทัวริ่ง ด้วยสมรรถนะของตัวรถที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการขับขี่ทางไกลได้หลายพันไมล์อีกทั้งยังสามารถมอบความสะดวกสบายและความเพลิดเพลินในทุกๆ การเปิดคันเร่งให้แก่ผู้ขับขี่ได้อีกด้วย

การเดินทางที่มีผู้ขับขี่คอยชักนำ

โปรเจค Rushmore นำเสนอทิศทางใหม่ในการพัฒนาโปรดักส์ของ H-D ที่หลอมรวมเอาเสียงจากบรรดาผู้ใช้และฟีดแบคใส่ลงไปตลอดทั้งสายการพัฒนาของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้สามารถสนองตอบความต้องการอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนผ่านความสร้างสรรค์และเทคโนโลยีที่สั่งสมมาตลอดไลน์การผลิตรถทัวริ่งของ H-D จนออกมาเป็นจักรกล 4 แคทิกอรี่ตามนิยามของผู้ใช้

HARLEY DAVIDSON 2014

สิ่งที่เพิ่มเข้ามา

การควบคุม: เพิ่มความมั่นใจและความปลอดภัยให้ผู้ขับขี่ด้วยหลอด Daymaker LED และ ไฟฮาโลเจนคู่เสริมระบบ ABS ผ่านขุมพลังบล็อคใหม่ Twin-Cooled, High Output Twin Cam และ High Output Twin Cam 103 Powertrains

ระบบความบันเทิงภายในห้องโดยสาร: ด้วยเครื่องเสียงที่ถูกปรับฟังก์ชั่นและสีสันของหน้าจอใหม่ในรุ่น Boom Box 4.3 ให้เสียงออดิโอ คุณภาพสามารถเชื่อมต่อบลูทูธและจดจำเสียงได้ มี Text-to-Speech Technology, ระบบ GPS และ Navigator อีกทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์อีกด้วย

ความรู้สึก: ส่งผ่านความรู้สึกใหม่ๆด้วย Batwing แฟริ่ง (แฟริ่งหน้าทรงปีกค้างคาวแยกอากาศที่เข้ามาด้านหน้าให้ลมไม่ปะทะตัวผู้ขับขี่ ในขณะเดียวกันก็รักษา Air Flow เอาไว้เพื่อระบายความร้อนออกจากองค์ประกอบต่างๆ) ทำงานร่วมกับ Splitstream Venting ช่องลมระบายความร้อนซึ่งอยู่บริเวณใต้วินด์ชิลล์คอยผันแปรแรง-ดันอากาศภายใต้แฟริ่งและดักอากาศไม่ให้เข้าปะทะตัวผู้ขับขี่ (สามารถกดปุ่มเพื่อปิดช่องลมดังกล่าวเพื่อป้องกันน้ำฝนจากบริเวณแผงหน้าปัด) อีกทั้งยังปรับปรุงในส่วนของเบาะนั่งโดยปรับทั้งหลักอากาศพลศาสตร์และสรีระศาสตร์ใหม่เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย

สไตล์: รูปแบบและฟังก์ชั่นขององค์ประกอบหลายส่วนถูกพัฒนาขึ้นใหม่กระเป๋าสัมภาระหลังถูกปรับทรงและถูกออกแบบให้เป็น ดีไซน์  One-Touch เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย รวมถึงบังโคลนหลัง (Fender) ที่เบาและสวยกว่าเดิม ล้อหล่ออลูมิเนียมน้ำหนักเบาและเพิ่มสวิตชคอนโทรลต่างๆ เพื่อความสะดวกโยธิน

HARLEY DAVIDSON 2014

รายละเอียด

High Output Twin Cam 103 : วิศวกรด้านระบบส่งกำลังของ H-D ออกแบบ High Output Twin Cam 103 Engine ใหม่ภายใต้โปรเจค Rushmore เพื่อการส่งผ่านพละกำลังที่มากกว่าเดิมโดยประกอบไปด้วยเพลาลูกเบี้ยว (Camshaft) ใหม่เพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพของทอร์คในช่วง Bottom End และ Airboxซึ่งช่วยเพิ่มสมรรถนะการไหลเวียนของอากาศดูดอากาศเข้าได้มากกว่าเดิม (อยู่ในรุ่น Road king, Classic และ Street Glide 2014) เพิ่มแรงบิดอีก 5 % มากกว่า Standard Twin Cam 103 Powertrain ที่อยู่ในคลาสทัวริ่ง ทั้งหมดนี้เพิ่มความเร็วและแรงบิดมหาศาลในช่วง 60-80 ไมล์/ชม. ต่อไปจนถึงเกียร์ห้า เพื่อส่งผ่านพลังให้ผู้ขับขี่สามารถวิ่งแซงได้เมื่อต้องการรวมทั้งขี่ล่องไปตามเส้นหุบเขาแม้จะมีสัมภาระ และผู้ซ้อนท้ายด้วยก็ตาม

Twin-Cooled™ High Output Twin Cam 103: ออกแบบมาเพื่อรักษาไว้ซึ่งสมรรถนะภายใต้สถานการณ์อันท้าทาย อยู่ในรุ่น 2014 Ultra Limited, Electra Glide Ultra Classic และ Tri Glide™ Ultra Classic ด้วยการผสมผสานของระบบระบาย ความร้อนด้วยอากาศ และระบายความร้อนด้วยของเหลว (Liquid Cooled) อันแม่นยำ ทำให้เครื่องยนต์บล็อค Twin-Cooled High Output 103 สามารถคงไว้ซึ่งสมรรถนะสูงสุดหรือ Peak Performanceตลอดเวลาภายใต้การบรรทุกสัมภาระอันหนักอึ้งหรือสภาวะการขับขี่ที่ทรหด โดยใช้อัตราส่วนกำลังอัดสูตร10.1:1 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและกำลังของเครื่องยนต์ ให้แรงบิดสูงสุดเพิ่มขึ้นอีก 10.7 % และกำลังสูงสุดอีก 10.6% มากกว่าในบล็อค Standard Twin Cam103 เส้นทางของเหลวที่ใช้ระบายความร้อนจะเดินทางผ่านลูกสูบ (Cylinder Heads) ในบริเวณรอบๆวาล์วไอเสียและระบายความร้อนสะสม ในบริเวณส่วนแฟริ่งช่วงล่างซ้ายและขวาควบคุมและคำนวณการไหลเวียนของสารหล่อเย็นผ่าน Electric Pump ที่มีความแม่นยำ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารเมื่อต้องเผชิญกับสภาพการจราจรที่ติดขัด ภายใต้สภาพอากาศร้อนๆ อุณหภูมิของลูกสูบถูกลดให้ต่ำลง Airbox ถูกปรับทรงใหม่เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของอากาศ และมีการเปลี่ยนทรงแฟริ่งล่างเพื่อเพิ่มการระบายอากาศและส่งผ่านอากาศเย็นสู่ผู้ขับขี่รวมถึงผู้ซ้อนท้าย

New Hydraulic Clutch Control : รถทัวริ่งทุกคันยกเว้น Road King มาพร้อมคลัทช์ไฮดรอลิคใหม่แต่ยังใช้ Cable Clutch-Lever เดิมและยังมีสปริงคลัทช์ที่แข็งแรงกว่าเดิม ไม่ต้องการการปรับตั้งหรือเซอร์วิสให้ยุ่งยาก ทำงานได้ทุกสภาพแวดล้อมและมีอายุการใช้งานยืนยาว เปลี่ยนเพื่อรองรับแรงบิดที่เพิ่มขึ้น มี Slip Feature เพื่อการดาวน์ชิพและเอนจิ้นเบรคที่นุ่มนวล

Reflex Linked Brakes with ABS : ทุกโมเดลในปี 2014 มาพร้อม Reflex Linked Brakes และ ABS เป็นของสแตนดาร์ด Reflex Linked Brakes (เบรคสองล้อ) จะทำงานผสานกับ ABSผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มเสถียร-ภาพสูงสุดทั้งหน้าและหลังภายใต้ภาวะการใช้เบรค Linked Braking จะทำงานเมื่อขับขี่ด้วยความเร็ว 25 ไมล์/ชม. ขึ้นไป ถ้ามีการเบรคขณะใช้ความเร็วต่ำเบรคหน้าและหลังก็จะทำงานแยกกัน

2014 CVO Ultra Limited : แม้มันจะเป็นมอเตอร์ไซค์ทัวริ่งเกรดพรีเมียมอยู่แล้วแต่ด้วยโค้ดเนมโปรเจค Rushmore H-D ยังยก CVO Ultra Limited ให้เหนือระดับขึ้นไปอีกจากเสียงสะท้อนของผู้ใช้เพื่อเพิ่มและพัฒนาขีดจำกัดในการเปิดรับประสบการณ์การขับขี่ใหม่ในทุกแง่มุม

ไฟ Daymaker LED : ไฟหน้าและไฟตัดหมอก LED เสริมความปลอดภัยด้วยคุณภาพโคมที่ผลิตมาเพื่อให้แสงสีขาว ซึ่งใกล้เคียงกับแสงธรรมชาติในช่วงกลางวันมากที่สุด ส่องสว่างชัดเจนในทุกเส้นทางไม่ฟุ้งและไม่รบกวนต่อเส้นการจราจรที่สวนมา

HARLEY DAVIDSON 2014

ระบบอินโฟเทนเมนท์ The Boom : Box 6.5 GT ภายในห้องโดยสารส่งออดิโออันรื่นรมย์ น่าตื่นตะลึงและรองรับเทคโนโลยีอันหลากหลาย อีกทั้งยังมีจอสีแบบทัชสกรีน, เชื่อมต่อบลูทูธและ USB รองรับการใช้งานเชื่อมต่อกับ Apple iPhone/i Pod, หูฟัง Headset และระบบนำทาง GPS

พัฒนาระบบกันสะเทือนช่วงหน้า : มีองค์ประกอบของระบบกันสะเทือนด้านหน้าใหม่ ไม่ว่าจะเป็นแกนโช้คหน้าใหญ่ขึ้นและแผงคอที่กว้างขึ้น น้ำหนักเบา เพิ่มการตอบสนองต่อการควบคุมมุมเลี้ยวซ้าย-ขวามั่นคงมากยิ่งขึ้น ความกว้างของขนาดแกนโช้คเพิ่มอีก 14 % จาก 43.1 มม. เป็น 49 มม. แฟริ่งใหญ่กว่าเดิม มีการปรับ Damping ของช่วงล่างให้นุ่มนวลรับกับสภาพพื้นผิวของถนน หนึบและกระชับในทุกย่านความเร็วรอบเครื่องยนต์

Project Rushmore Batwing Fairing : (แฟริ่งหน้าทรงปีกค้างคาว) หัวใจหลักของแฟริ่งใหม่อยู่ที่ช่องลมระบายอากาศใหม่หรือ Splitstream Vent ใต้วินด์ชิลล์
ซึ่งมีหน้าที่ระบายความร้อนคอยผันแปรแรงดันอากาศภายใต้แฟริ่งและดักอากาศไม่ให้เข้าปะทะตัวผู้ขับขี่ โดยช่องเหล่านี้ไม่สามารถปรับได้และถูกทำไว้ให้เปิดตลอดทุกสภาพการขับขี่ แต่ก็ปิดได้โดยกดปุ่มเพียงครั้งเดียวเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำฝนเข้าไปบริเวณแผงหน้าปัด

ปรับแฟริ่งล่าง : แฟริ่งส่วนล่างถูกปรับรูปทรงใหม่เพื่อเสริมแอร์โร-ไดนามิกส์โดยรวมและระบายความร้อนของเครื่องยนต์ อีกทั้งยังเพิ่ม Air Flow ให้แก่ผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้าย

Passenger Comfort : ปรับเบาะเพื่อเพิ่มความสบาย

One-Touch Design : ออกแบบกระเป๋าหลัง/ข้าง เครื่องเสียงและถังน้ำมันให้ใช้งานง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส

กระเป๋าหลังใหม่ : ออกแบบรูป-ลักษณ์ให้ดูกะทัดรัดขึ้น ทั้งที่ความจริงแล้วมีความจุมากกว่าตัวเก่า ใส่หมวกเต็มใบได้ 2 ลูก ไม่บดบังหรือสะท้อนต่อไฟ LED ทางด้านหลัง ใช้งานง่ายแบบ One Touch เปิด/ปิด สามารถปรับเลื่อนเดินหน้าถอยหลังได้ 1 นิ้ว เพื่อปรับตำแหน่งพนักพิงผู้โดยสาร กระเป๋าข้างใหม่เปิด/ปิดง่ายและจุมากขึ้นเช่นกัน

New Hand Controls : รูปร่างความรู้สึก ตำแหน่งและฟังก์ชั่นของปุ่มทั้งหมดที่ควบคุมด้วยมือถูกพัฒนาขึ้นไม่ว่าจะเป็นรูปทรงและมุมองศาต่างๆ ถูกปรับให้รับกับนิ้วโป้งหรือปลายนิ้วสัมผัส ควบคุมเอนเตอร์เทนเมนท์ทั้งหมดผ่านปุ่มแบบ 5 ทิศทางที่อยู่ทั้งด้านซ้ายและขวาของแผงควบคุม สวิตช์สับไฟสูงอยู่บริเวณด้านหลังเหนือแฮนด์ด้านซ้าย Odometer, Trip, ค่าคำนวณน้ำมันหมดถัง, นาฟิกาและตำแหน่งเกียร์แสดงผ่านหน้าจอ LCD

แผงเรือนไมล์ใหม่ : ออกแบบมาให้อ่านง่ายในทุกสภาวะ มาตรวัดรอบและความเร็วใหญ่ขึ้น 10% และมีตัวเลขกว้างขึ้นอีก 68% ไฟเตือนและหน้าจอวัดรอบก็ใหญ่ขึ้นด้วย เพื่อให้มองเห็นชัด The Fuel และ Volt Gauges ใหญ่ขึ้นอีก 28% มาตรแสดงแรงดันน้ำมันและอุณหภูมิถูกย้ายไปโชว์อยู่ที่หน้าจอ
อินโฟร์ ของ Boom Box (เครื่องเสียง)

New Fenders : Fender เหล็กมีเส้นสายเพรียวขึ้น บังโคลนหน้าตัดให้เว้าสูงขึ้นเพื่อโชว์ให้เห็นล้อหน้ามากกว่าเดิม ้ Fender ถูกปรับระดับให้เขยื้อนไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อให้ขนานกับพื้น

HARLEY DAVIDSON 2014

2014 CVO Road King : สนุกสุดมันด้วยสมรรถนะแบบ High-Performance Road King คือรถทัวเรอร์ที่ทำให้ผู้พบเห็นตกตะลึงทุกครั้งในคืนวันศุกร์เมื่อคุณนำรถออกไปขับขี่กับเพื่อนๆ และเหมาะจะขี่นำขบวนเมื่อออกทัวร์

เมื่อจับมันเข้าโปรเจค Rushmore ผนวกแรงผลักดันและความต้องการของผู้ใช้เข้ากับหลักการพัฒนา ที่ให้ความสำคัญในทุกมุมมองของ H-D มันจึงออกมาเป็นรถที่พร้อมจะมอบประสบการณ์ในการขับขี่รูปแบบใหม่ให้แก่คุณ

เริ่มต้นทดสอบเพื่อพิสูจน์พลังขับเคลื่อน

รุ่งเช้าของวันใหม่เริ่มต้นด้วยพระอาทิตย์ที่สวยสุดๆ ลอยขึ้นรับอรุณเหนือที่พักสไตล์มัลดีฟส์เล็กๆ ของเรา อากาศสดใสสบายๆ เมื่อเตรียมออกเดินทางเนื่องจากผมมาถึงจุดนัดพบก่อนเวลาพอควรจึงได้จังหวะเก็บภาพรถเกือบทุกรุ่นก่อน โดยทุกคันถูกจอดไว้เป็นระเบียบเรียบร้อยพร้อมแขวนป้ายชื่อให้เสร็จสรรพ โดยตัวแทนจากฟาสท์ไบค์ ไทยแลนด์ หรือผมเองได้รุ่น Road King Classic 103 cu in หรือ 1,670 ซีซี. ต้องยอมรับว่าเคยมีโอกาสทดสอบรถรุ่นนี้แค่ครั้งเดียว กับตัว 1,500 ซีซี. แถมไม่ได้ทดสอบอย่างละเอียดด้วย ส่วนตัวในตอนแรกผมคิดว่า H-D เหมาะสำหรับผู้ใหญ่ที่คิดว่าการใช้รถจักรยานยนต์ควรจะเรียบง่ายและไม่ใช้ความเร็วมากนัก ซึ่งเราคงได้รู้กันคราวนี้!

เมื่อตัวแทนสื่อมวลชนได้รถคู่ใจทุกคนแล้ว เจ้าหน้าที่ชาวอเมริกันรูปร่างไม่ใหญ่นักก็ขี่ออกนำ ผมคิดในใจว่าคงไปได้ไม่เร็วนักเพราะขนาดรถที่ใหญ่และผู้ขับขี่ไม่สูงมาก (คิดผิดถนัด) เริ่มออกจากโรงแรมเลี้ยวขวาผ่านถนนเล็กๆ ที่ต้องขี่ตามกันเป็นแถวเดียว เลี้ยวขวาผ่านต้นปาล์มยาว สุดลูกหูลกููตาด้วยความเร็วประมาณ 80/100 กม./ชม. เพื่อให้มีเวลาปรับตัวกับตำแหน่งการ-วางเท้าที่ปกติใช้การวางเท้าแบบรถสปอร์ตมาโดยตลอด จึงรู้สึกได้ว่าการใช้เบรคหลังและการใช้เท้าเปลี่ยนเกียร์ ยังไม่คล่องสักเท่าไหร่ แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาทีผมก็ทำความคุ้นเคยกับรถได้อย่างไม่ยากเย็น การใช้ความเร็วต่ำกับน้ำหนักกว่า 403 กก. นั้นไม่ทำให้การใช้เบรคและเกียร์ต่างๆ ส่งผลต่อความเร็วหรือทำให้ตัวรถสูญเสียการ-ควบคุมเลย แต่กลับช่วยให้มั่นใจมากขึ้นเมื่อมันวิ่งได้เสถียรมาก ถึงแม้จะมีกระแสลมปะทะอย่างแรงจากรถที่สวนทางมาก็ไม่ทำให้เสียการทรงตัวแต่อย่างใด ผมเริ่มคุ้นเคยกับการใช้เกียร์ รอบเครื่องยนต์และสวิตช์สัญญาณต่างๆ

คนนำขบวนเริ่มเพิ่มความเร็วกว่า 120 กม./ชม. การใช้ความเร็วขณะแซงรถขึ้นไป แรงบิดอันมหาศาล ส่งให้อัตราเร่งมาอย่างรวดเร็วจนรู้สึกประหลาดใจว่ามันสามารถ “ตอบสนอง” ได้อย่างทันท่วงที การสวิงรถไปทางซ้าย-ขวาก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายและกล้าพูดได้ว่าไม่จำเป็นต้องมีทักษะมากมายนักก็สามารถคุมมันได้ เราวกเข้าทางหลักบนซูเปอร์ไฮเวย์ ความเร็วเพิ่มขึ้นจาก 120-170 กม./ชม.

ในบางช่วงผมรู้สึกได้ว่ายิ่งเร็วยิ่งมีความเสถียรเนื่องจากโครงสร้างรถและน้ำหนักที่ถูกคำนวณมาอย่างดี เมื่อตรวจสอบสถานะของ ตัวเองพบว่าการนั่งหลังตรง แขนกางออกจากหัวไหล่เล็กน้อยและการวางเท้ายื่นไปข้างหน้ามันค่อนข้างสบาย ที่สำคัญวินด์ชิลล์ที่ป้องกันกระแสลมก็ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม เราสามารถมองทิวทัศน์สองข้างทาง ได้อย่างสบายอารมณ์ซึ่งทำให้้ผมประทับใจมาก เพราะแม้มันจะเป็นรถจักรยานยนต์ที่ถูกออกแบบ มาให้มีความยาวและใหญ่ แต่ก็สามารถสวิงมันได้เหมือนรถคันเล็กๆ เมื่อเคลื่อนตัวไปแล้วผมยังคงรักษาระดับความเร็วให้เกิดความคุ้นเคยก่อนที่ขบวนจะหยุดพักกลางวัน

จากจุดนั้นทุกคนเริ่มก็เข้าสู่การวัดความเก๋ากันแล้ว เพราะเส้นทางจะเริ่มเปลี่ยนเป็นวกขึ้นเขาเรียกว่าเหมือน “สนามเขาใหญ่เซอร์กิต” ยังไงยังงั้นเลย เจ้าหน้าที่ถามทุกคนว่าพร้อมที่จะออกเดินทางกันหรือยัง งั้นก็ไปกันเลย! ผมยังคงอยู่เป็นคันที่สองนับจากเจ้าหน้าที่อเมริกัน เขาเริ่มกดคันเร่งหนักขึ้น แรงขึ้น ซึ่งตอนแรกผมคิดว่าการใช้เบรคหรือเกียร์หนักๆ จะทำให้รถเลื้อยไหมนะ? แต่เมื่อเห็นเขาไม่ออกอาการอะไร งั้นก็จัดให้!

HARLEY DAVIDSON 2014

ผมตามแบบไม่หลุดสองถึงห้าช่วงรถ ก่อนเริ่มรู้สึกว่าระบบเบรค ABS นั้นดีเกินไป เลยลองเปลี่ยนมาใช้เอนจิ้นเบรคหนักๆ ใช้เบรคน้อยลงกับเส้นทางคดเขี้ยวขึ้นเขา-ลงเขา มันได้ผล! จึงเริ่มใช้ความเร็วสูงขึ้นโดยมีผู้สื่อข่าวมาเลย์ไล่ตามหลังมา 2 คัน โค้งแต่ละโค้งทั้งซ้าย-ขวา กว้าง-แคบ Road King สามารถทำงานได้มั่นใจ แต่มาใจหายพอดูเมื่อรู้สึกได้ พร้อมกับเสียงดังแคร๊กๆ เพราะนั่นหมายความว่าต้องมีส่วนหนึ่งส่วนใดถูกับถนนอย่างแน่นอน

ใช่! มันเป็นรถจักรยานยนต์ที่ออกแบบมาให้ศูนย์ถ่วงต่ำเพื่อง่ายต่อการควบคุม แต่ด้วยน้ำหนักและโครงสร้างของยางที่ออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ รถจะไม่มีทางเสียสมดุลจากการครูดพื้นเพียงเล็กน้อยแน่นอน ดังนั้นความกังวลใจในจุดนี้จึงหมดไป ต้องบอกก่อนว่าความเร็วที่ใช้ในโค้งบางโค้งนั้นสูงถึง 120 กม./ชม.

โค้งที่ช้าที่สุดก็ประมาณเกียร์สองหรือช่วงทางตรงลงเขาก็ใช้เกียรห้า สุดคันเร่งแบบหมดแม๊กซ์ แต่สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ H-D ซึ่งถือเป็นข้อกำหนดที่สำคัญคือ ไม่ว่าจะเข้าโค้งช้าหรือเร็วสิ่งที่ต้องทำคือต้องใช้ความเร็วที่คุมได้ เอียงตัวไปกับรถและไม่ว่าจะกรณีใดๆ ห้ามบีบคลัทช์เข้าโค้งเด็ดขาด เหตุผลคือรถนั้นมีน้ำหนักมากเมื่อบีบคลัทช์เข้าโค้งหรือตกใจบีบคลัทช์ มันจะตัดการทำงานแล้วรถก็จะหมดแรงดึงจากเครื่องยนต์ จากนั้นรถจะตั้งตรงและพุ่งออกจากจุดที่ต้องการเลี้ยวทันที ผมยังคงมุ่งหน้าแบบเต็มเหนี่ยวแต่ก็ไม่กล้าชาร์จไปนำเจ้าหน้าที่เพราะยังชั่วโมงบินน้อยกับรถทัวริ่งขนาดยักษ์ แต่จากที่มีประสบการณ์กับรถ Harley มาบ้าง บอกได้เลยว่า H-D เมื่อวานกับ H-D

วันนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเรามาถึงจุดถ่ายรูปพร้อมกัน 4-5 คันระหว่างรอกลุ่มหลังอีกพักใหญ่ก็พูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อตอกย้ำความ-มั่นใจว่ามันเป็นรถจักรยานยนต์ “ทัวริ่ง” ที่ดีที่สุดในโลกขณะนี้ ผมเลยขอเปลี่ยนรถเป็นรุ่น Ultra Limited 103 Twin Cooled สัมผัสแรกสิ่งที่แตกต่างจาก Road King คือรู้สึกได้ถึงความสูงที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่เท้าทั้งสองข้างก็ยังเหยียบอยู่บนพื้นได้อย่างสบาย ปลายแฮนด์เข้ามาใกล้และแคบกว่านิดหน่อย เคาน์ลิ่งหน้าใหญ่มีหน้าปัดเรือนไมล์ดิจิตอลกลมแบบเข็ม รวมถึงมาตรวัดต่างๆ ชัดเจนมาก หน้าปัดออกดิโอใหญ่เห็นชัดไม่ว่าแสงจะจ้าหรือน้อย มือจับ แฮนด์สั้นและถูกล็อคไว้ตรงจุดจับปลายแฮนด์ ทางด้านซ้ายมีสวิตช์ปรับออดิโอแตร สัญญาณไฟเลี้ยวซ้าย ส่วนด้านขวามีสวิตช์สัญญาณไฟเลี้ยวขวา ครูซ-คอนโทรลและสวิตช์สตาร์ทเครื่องยนต์ ตามมาด้วยลำโพงที่ให้กำลังขับแบบสะใจ ถัดมาเล็กน้อยมีกล่องด้านล่างไว้ใส่ iPod หรือโทรศัพท์ เบาะกระชับล็อคการเคลื่อนตัวแบบไม่ต้องกังวล เชื่อมต่อด้วยเบาะซ้อนท้ายที่อยู่เหนือระดับผู้ขับขี่เล็กน้อย ดูแล้วนั่งสบาย ขนาบข้างด้วยลำโพงทั้งสองด้าน

HARLEY DAVIDSON 2014

ถึงตรงนี้ผมคงไม่ต้องพิสูจน์ความเร็วสูงสุดอีกแล้วแต่ต้องการรู้ว่า Ultra Limited นั้นให้ความสะดวกสบายมากแค่ไหน สิ่งแรกที่พบคือเลี้ยวง่ายในโค้งแคบๆ อัตราเร่งมาเร็ว กลางต่อเนื่อง แต่ความเร็วปลายไม่สูงมากนักอาจเป็นเพราะรถใหม่เครื่องแน่นก็เป็นได้ ระบบกันสะเทือนหนึบจนรู้สึกว่ากระด้างนิดๆ

สำหรับการขี่คนเดียว แต่ก็สามารถเปลี่ยนเป็นแบบถุงลมได้เพราะไดมิเตอร์เท่ากันกับตัว Classic ระบบเบรค ABS มั่นใจ ระบบกันสะเทือนหน้าหนึบไม่สะท้านในทางขรุขระ การบาลานซ์ตัวรวมถึงการเอียงตัวไปกับรถ ทำได้อย่างยอดเยี่ยมแม้จะใช้ความเร็วต่ำ

แต่สิ่งที่ประทับใจมากที่สุดคือระบบ “Infotainment” ที่ทำให้การขับขี่มีความสุขกับความสุนทรีย์ของเสียงเพลงที่ดังจนเพื่อนรวมทางปรบมือให้ ผมซึมซับกับการขับขี่ Ultra Limited อย่างน่าประทับใจ คงต้องตอบอย่างฟันธงว่า “Harley-Davidson วันนี้ไม่เหมือนวันวาน มันมีความสง่างาม หรูหรา สะดวกสบายและมีพลังอย่างเหลือเชื่อ จนสามารถฟันธงได้เลยว่า Harley-Davidson เป็นรถจักรยานยนต์ทัวริ่งที่ดีที่สุดในตลาด ตามมุมมองของผมจริงๆ”

HARLEY DAVIDSON 2014

 

HARLEY DAVIDSON 2014

 

HARLEY DAVIDSON 2014

 

HARLEY DAVIDSON 2014

 

HARLEY DAVIDSON 2014

 

HARLEY DAVIDSON 2014

 

HARLEY DAVIDSON 2014

 

HARLEY DAVIDSON 2014

 

HARLEY DAVIDSON 2014

 

HARLEY DAVIDSON 2014

 

HARLEY DAVIDSON 2014

 

HARLEY DAVIDSON 2014

 

HARLEY DAVIDSON 2014

 

 

 

HARLEY DAVIDSON 2014

 

HARLEY DAVIDSON 2014

 

HARLEY DAVIDSON 2014

 

HARLEY DAVIDSON 2014

 

HARLEY DAVIDSON 2014

 

HARLEY DAVIDSON 2014

***************

Fast Bikes Thailand Magazine ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ วางแผงแล้ววันนี้ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
สมัครสมาชิกรายปีเพียง 1,560 บาท (จากราคาปกติ 2,460บาท) ภายในเดือนก.พ.2557
โทร. 02-6164729, อีเมล์:
[email protected]
 

HARLEY DAVIDSON 2014