posttoday

พิพาทโสมแดงจบยาก ทุบตลาดทุนโลกต่อเนื่อง

12 สิงหาคม 2560

รอบสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นและตลาดเงินทั่วโลกต้องเจอแรงกดดันหลายระลอกจากความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์

ในรอบสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นและตลาดเงินทั่วโลกต้องเจอแรงกดดันหลายระลอกจากความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี โดยหลายฝ่ายต่างวิตกว่า การทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) ถึง 2 ครั้งภายในเดือน ก.ค.เสี่ยงนำไปสู่การเผชิญทางการทหารมากยิ่งขึ้นในภูมิภาค โดยเฉพาะระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐ

ตลาดหุ้นสหรัฐต่างปิดตลาดในแดนลบเมื่อวันที่ 10 ส.ค. โดยดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับลง 1.45% ปิดที่ 2,438.21 จุด แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. ด้านดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 204.69 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 2.13% โดยบรรยากาศการซื้อขายซบเซาในตลาดหุ้นสหรัฐ ส่งผลให้ดัชนีวัดค่าความผันผวนในตลาด พุ่งขึ้นแตะ 44% สูงสุดนับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐวันที่ 8 พ.ย. 2016

สำหรับตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอ่อนแรงในการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยดัชนีเอ็มเอสซีไอ ตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิก ที่ไม่รวมญี่ปุ่น ร่วง 1.6% ปรับลงมากที่สุดในรอบวันนับตั้งแต่กลางเดือน ธ.ค.

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ร่วงหนักสุดในภูมิภาค โดยดัชนีคอสปิ ปรับลง 1.7% ปิดตลาดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค. ด้านดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ตลาดหุ้นจีน ปรับลง 1.6% ลดลงมากที่สุดในรอบวันตั้งแต่ต้นปี 2017 เช่นเดียวกับดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3

ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกระเพื่อมจากความตึงเครียดคาบสมุทรเกาหลีด้วยเช่นกัน โดยดัชนียูโรสต็อกซ์ 600 ลดลง 0.6% ระหว่างการซื้อขายเมื่อวานนี้ ปรับลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน

ด้านตลาดค่าเงิน ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงหนักสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อเทียบค่าเงินเยน โดยปรับลง 0.2% ไปอยู่ที่ 108.96 เยน/ดอลลาร์

ขณะเดียวกัน ค่าเงินวอนและค่าเงินเปโซของฟิลิปปินส์ปรับลงอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ โดยค่าเงินวอนอ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. อยู่ที่ 1,143.5 วอน/ดอลลาร์ ด้านค่าเงินเปโซปรับลง 0.6% ร่วงหนักสุดในรอบ 11 ปี และเคลื่อนไหวอ่อนแรงที่สุดในบรรดาค่าเงินเอเชีย

หวั่นความตึงเครียดปะทุต่อ

สถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีที่มีแนวโน้มทวีความตึงเครียดขึ้นกดดันให้ประเทศต่างๆ ในเอเชียแปซิฟิก เตรียมหาทางตอบโต้เกาหลีเหนือ โดยล่าสุด นายกรัฐมนตรี มัลคอล์ม เทิร์นบูล ของออสเตรเลีย เปิดเผยว่า ออสเตรเลียจะสนับสนุนสหรัฐในการจัดการกับเกาหลีเหนือ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ กล่าวกดดันเกาหลีเหนือหนักขึ้น ไม่ให้ยิงขีปนาวุธไปยังเกาะกวมตามที่ประกาศไว้เมื่อวันก่อนหน้านี้

ขณะเดียวกัน สหภาพยุโรป (อียู) ประกาศคว่ำบาตรบุคคล 9 ราย และหน่วยงาน 4 แห่ง ที่รวมถึงธนาคารด้านการค้าระหว่างประเทศของเกาหลีเหนือเพิ่มเติม ตามมาตรการของสหประชาชาติ กรณีเกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธ

ทั้งนี้ บลูมเบิร์กรายงานอ้างนักวิเคราะห์หลายรายว่า สถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีคาดว่าจะตึงเครียดยิ่งขึ้นช่วงวันที่ 15 ส.ค. ซึ่งเป็นวันฉลองอิสรภาพของเกาหลี และวันที่ 21 ส.ค. ที่เกาหลีใต้จะซ้อมรบร่วมกับสหรัฐ

ด้านหนังสือพิมพ์ โกลบอล ไทม์ส ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลจีน เปิดเผยว่า จีนควรวางตัวเป็นกลางหากเกาหลีเหนือยั่วยุสหรัฐจนนำไปสู่สงคราม อย่างไรก็ดี จีนจะเข้าไปแทรกแซงหากสหรัฐและเกาหลีใต้พยายามโจมตีและโค่นล้มอำนาจเกาหลีเหนือ

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ประกาศพร้อมตอบโต้เกาหลีเหนือกลับ โดยสำนักข่าวเกียวโด รายงานว่า ญี่ปุ่นจะเริ่มการติดตั้งระบบสกัดขีปนาวุธแพทริออตบริเวณทางตะวันตกของประเทศ เพื่อยิงสกัดกรณีเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธมายังเกาะกวม นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังเริ่มการซ้อมรบ 18 วัน ร่วมกับสหรัฐ ซึ่งจะดำเนินไปถึงวันที่ 28 ส.ค. 

ทะเลจีนใต้เดือดไม่จบ

สถานการณ์ในทะเลจีนใต้กลับมาตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง หลังสหรัฐส่งเรือพิฆาต ยูเอสเอส จอห์น แมคเคน เข้าไปใกล้หมู่เกาะสแปรตลีย์ ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้และจีนเข้าไปสร้างสิ่งก่อสร้างทางการทหารบนเกาะดังกล่าว โดยอ้างว่าการส่งเรือดังกล่าวแสดงถึงเสรีภาพในการปฏิบัติการสำรวจทางทะเล

ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 แล้ว นับตั้งแต่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และเกิดขึ้นขณะที่สหรัฐพยายามกดดันให้จีนร่วมมือจัดการกับเกาหลีเหนือ

ด้านกระทรวงต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์แสดงความไม่พอใจต่อการกระทำของสหรัฐ โดยระบุว่า เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายนานาชาติ อีกทั้งบั่นทอนความมั่นคงและอำนาจอธิปไตยของจีน