posttoday

เปิดโผ รมต. ทหารสายอ่อน

04 พฤศจิกายน 2560

กระแสปรับครม. ประยุทธ์ 5 กลับมาดังกระหึ่มส่งแรงกระเพื่อมทำให้สถานการณ์ทางการเมืองร้อนแรงขึ้นมาอีกครั้ง

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

กระแสปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประยุทธ์ 5 ของ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กลับมาดังกระหึ่มส่งแรงกระเพื่อมทำให้สถานการณ์ทางการเมืองร้อนแรงขึ้นมาอีกครั้ง หลังการตัดสินใจลาออกของ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล อดีต รมว.แรงงานแบบฉับพลันทันด่วน แม้นายกรัฐมนตรีจะออกมาแก้เกี้ยวให้ว่าลาออกไปประกอบธุรกิจก็ตาม ยิ่งในช่วงเวลาไล่เรียงกัน พล.อ.ประยุทธ์ เรียกพบ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เข้าพบแบบกะทันหัน ยิ่งวันถัดมา "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์ทำนองว่า ปรับ ครม.ประยุทธ์ 5 รอบนี้อาจลดสัดส่วนรัฐมนตรีสายทหารลง ย่อมส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง

คาดกันว่า ปรับ ครม.ประยุทธ์ 5 อาจเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือน ธ.ค.นี้ โดยรอให้งานพระราชพิธีสำคัญของประเทศในเดือน ต.ค. และ พ.ย.ผ่านพ้นไปก่อน แต่ที่แน่ๆ รัฐมนตรีใน ครม.ประยุทธ์ 4 ที่เป็นรัฐมนตรีสายทหารต่างออกอาการหนาวๆ ร้อนๆ เพราะรัฐมนตรีสายทหารมีมากถึง 11 คน แบ่งได้ 2 กลุ่ม คือ

1.กลุ่มรัฐมนตรีเศรษฐกิจ แน่นอนเบอร์หนึ่งที่ถูกเพ่งเล็งมากที่สุด คือ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่มีกระแสข่าวจะถูกปรับออกหลายต่อหลายครั้ง ทั้งด้าน ผลงานไม่เข้าตา หรือ มีความขัดแย้งกับ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ แต่ "บิ๊กฉัตร" เหนียวแน่นไม่เคยหลุดเก้าอี้จากวง ครม. เพราะเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ "บิ๊กตู่" ตท.12 และ จปร.23 จะปรับออกได้อย่างไร อย่างมากอาจโยกออกหรือสลับเก้าอี้ไปอยู่นอกกลุ่มรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เพื่อเปิดทางให้ "สมคิด" ส่งคนนอกที่เป็นพลเรือนของตัวเองเข้ามาแทน เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ราคาสินค้าตกต่ำ ทั้งข้าว ยางพารา และปาล์ม เป็นต้น รวมถึงอัดฉีดนโยบายเศรษฐกิจปูทางสู่โหมดเลือกตั้ง ดึงคะแนนนิยมให้กับรัฐบาล คสช. และ "บิ๊กตู่" ได้อยู่ต่อ

อันดับถัดมา คือ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน หนึ่งใน นายพลที่ช่วยงาน "บิ๊กตู่" สารพัดก่อนจะมานั่งเป็น รมว.พลังงาน อาทิ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ตรวจสอบการทุจริตหลายโครงการ สร้างคะแนนนิยมและผลงานปราบปรามการทุจริตให้แก่รัฐบาลได้หน้า จนนายกรัฐมนตรีไว้วางใจให้เข้ามาสะสางปัญหาในกระทรวงพลังงาน

อาทิ สัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 พ.ร.บ.ปิโตรเลียม หรือโครงการ โรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่  ปรับ ครม.รอบนี้ พล.อ.อนันตพร จะได้ไปต่อหรือถูกออก คำตอบอยู่ที่ใจ "บิ๊กตู่" ประเมินผลงานแล้วเข้าตาหรือไม่ เช่นเดียวกับ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ หรือ "บิ๊กเต่า" รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แม้จะเป็นลูกน้องเก่าอดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีต เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก เมื่อถึงเวลาการเมืองสู่โหมดการเลือกตั้ง การดึงพวกพ้องมาทำงานย่อมเปลี่ยนไป

ถัดมาเป็น "บิ๊กน้อย" หรือ พล.อ. สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ เป็นอีกหนึ่งรัฐมนตรีสายทหารที่ประเมินกันว่าอาจโดนปรับเปลี่ยนตัว เพราะพักหลังมีข่าวไม่กินเส้นกันระหว่าง นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ แต่ "บิ๊กน้อย" กับ "บิ๊กตู่" ถือว่าเป็นนายทหารรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทกันมาก เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นนักเรียนนายร้อย จปร.รุ่น 23 ขณะที่ พล.อ.สุรเชษฐ์ เป็นนักเรียนนายร้อย จปร.รุ่น 25 จะหลุดโผ ครม.ประยุทธ์ 5 หรือไม่ย่อมน่าจับตา

แต่ที่แน่ๆ ตำแหน่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะหาพลเรือนมาเป็นรัฐมนตรี คือ กระทรวงแรงงาน ทั้งมาแทน พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล และแม้ว่ากระทรวงนี้จะอยู่ในการกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร ที่แม้ต้องการจะผลักดันอดีตลูกน้องในกองทัพที่เพิ่งเกษียณเข้ามาทำงาน เช่น อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม คงเป็นไปได้ยากในสถานการณ์ช่วงนี้ เพราะตำแหน่งนี้ต้องการมืออาชีพมาเร่งแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าว ประมงผิดกฎหมาย และการค้ามนุษย์

ขณะที่ กลุ่มที่ 2  รัฐมนตรีทหารสายแข็ง ล้วนเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ร่วมกันปฏิวัติรัฐประหารปี 2557 หรือไม่ก็เป็นคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีและ พล.อ.ประวิตร เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น จึงแยกได้เป็น 2 สาย คือ ทหาร สายแข็ง กับ ทหารสายอ่อน ประเมินกันว่าเหตุผลสำคัญที่นายกรัฐมนตรีต้องการลดสัดส่วนรัฐมนตรีทหารลง เพราะต้องการปรับภาพลักษณ์ ครม.ในช่วงเปลี่ยนผ่านและปูทางไปสู่รัฐบาลเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอีกประมาณ 10 กว่าเดือนข้างหน้า ดังนั้นบรรยากาศการบริหารราชการแผ่นดินต่อจากนี้ไปภาพลักษณ์รัฐบาลจะดูนุ่มนวลลง เน้นสร้างผลงานเอาใจพี่น้องประชาชนมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีทหาร สายแข็งที่ติดโผตลอดจาก ครม.ประยุทธ์ 1 ถึง ครม.ประยุทธ์ 5 จนเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง อาทิ พล.อ.ประวิตร พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ทั้งหมดล้วนมีความใกล้ชิดระหว่าง พล.อ.ประวิตร กับ พล.อ.ประยุทธ์ สนิทสนมแนบแน่นมาโดยตลอด ทั้งในบทบาท "บูรพาพยัคฆ์" ทั้งในฐานะผู้บังคับบัญชาหรือผู้ใต้บังคับบัญชากอดคอกัน ประคับประคองสถานการณ์รัฐบาล คสช. รวมถึงกองทัพมาโดยตลอด การจะปรับออกย่อมไม่อาจเกิดขึ้น แต่สุดท้าย ทุกตำแหน่งขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ "บิ๊กตู่" เพียงคนเดียวที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดที่สุดในเวลานี้