posttoday

ตีปี๊บผลงาน 3 ปี คสช. กู้ความเชื่อมั่น เรียกคะแนนนิยม

11 พฤษภาคม 2560

ใกล้ครบ 3 ปี หลังการรัฐประหาร22 พ.ค. 2557 กับการเข้ามาบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่คะแนนนิยมและความเชื่อมั่นดูจะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

ใกล้ครบ 3 ปี หลังการรัฐประหาร22 พ.ค. 2557 กับการเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งควบทั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ที่คะแนนนิยมและความเชื่อมั่นดูจะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ

ไม่แปลกที่รัฐบาลจะใช้โอกาสนี้นำเสนอผลงานให้สาธารณชนได้รับรู้รับทราบ แถมยังเป็นเวทีให้ได้หักล้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องไร้ผลงาน อันจะช่วยเรียกคะแนนนิยมให้กลับคืนมาได้ไม่มากก็น้อย

ปัญหาหนึ่งของรัฐบาล คสช.เวลานี้ คือเรื่อง “ผลงาน” ที่พยายามเข็นออกมาหลายต่อหลายเรื่อง ดูแลประชาชนหลายกลุ่มอาชีพ แก้ปัญหาทั้งเฉพาะหน้าและวางโครงสร้างแก้ปัญหาระยะยาว แต่หลายเรื่องก็ยังไม่ไปถึงฝั่งฝัน หรือสำเร็จเป็นรูปเป็นร่างจับต้องได้

ทำให้ถูกถล่มอย่างหนักเรื่องการทำงานที่ไม่เข้าตา แตกต่างจากช่วงแรกหลังรัฐประหาร กับการใช้อำนาจพิเศษเข้าไปจัดการกับผู้มีอิทธิพล ปราบปรามกลุ่มก่อความไม่สงบ ตรวจค้นสกัดความรุนแรง และกลุ่มป่วนที่จ้องก่อความไม่สงบในพื้นที่ จัดระเบียบวินรถตู้ วินมอเตอร์ไซค์ ที่โกยคะแนนไปได้ไม่น้อย

ทว่าระยะหลังหลายนโยบายที่ออกมา นอกจากไม่เปรี้ยงปร้างโดนใจประชาชนแล้ว ตรงกันข้ามยังถูกรุมถล่มอย่างรุนแรง เช่น ล่าสุดกับการบังคับใช้มาตรการคาดเข็มขัดนิรภัย และการห้ามโดยสารในกระบะ และแค็บที่นั่งหลังเบาะคนขับ จนต้องทำให้ระงับการบังคับใช้ไว้ชั่วคราว

อีกด้านหนึ่งมาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่พยายามเร่งเครื่อง ออกมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบมาแล้วหลายรอบ กลับได้ผลเพียงแค่ชั่วครู่ชั่วคราวไม่อาจขับเคลื่อนกลไกให้เดินหน้าได้อย่างเต็มที่เหมือนที่คาดหวัง พัวพันไปถึงปัญหาปากท้องที่ยิ่งฉุดให้ความเชื่อมั่นรัฐบาลรุนแรง

ยังไม่รวมกับปัจจัยรุมเร้าที่ถาโถมเข้ามาเรื่อยๆ ซ้ำเติมให้สถานการณ์ยิ่งแย่ ไม่ว่าจะเป็นการแอบอนุมัติการจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีน 1.35 หมื่นล้านบาท โดยอ้างชั้นความลับไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ

รวมไปถึงเรื่องฉาวและไม่ความไม่โปร่งใสที่คนใกล้ตัว คสช.เข้าไปพัวพันจนทำให้ความเชื่อมั่นที่เคยมีลดน้อยลงมาตามลำดับ

สถานการณ์เช่นนี้จึงไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล คสช. ที่กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อกับการพาสังคมเดินหน้าไปตามโรดแมปที่วางไว้ ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญคือการเลือกตั้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2561

การแถลงผลงานครบ 3 ปี จึงเป็นโอกาสดี ประการแรกเพื่อที่จะได้ชี้แจงสิ่งที่รัฐบาลตลอดจนแม่น้ำทั้ง 5 สายได้ทำมา เพื่อสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งเฉยหรือไร้ความสามารถในการบริหารประเทศอย่างที่ถูกถากถาง

ถึงขั้นที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องออกมาชี้แจงว่าการแถลงผลงานครั้งนี้เพื่อให้ประชาชนรับทราบความก้าวหน้าของผลงานอย่างเป็นรูปธรรมให้ได้เป็นข้อเท็จจริง และข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เพราะความสนใจของคนมีจำกัดบางคนรู้แต่เรื่องของตัวเอง เรื่องคนอื่นไม่อยากรู้และไม่รู้ จึงทำให้เหมือนเราแก้ปัญหาไม่ได้หมดทุกภาคส่วนและทุกพวก รู้แค่เพียงบางส่วน

“ดังนั้นอยากฝากให้ทุกคนช่วยกันฟังหน่อย เช่น ด้านการเกษตรการเงินการคลัง การช่วยเหลือ และความมั่นคงที่ใช้จ่ายงบประมาณ ทุกอย่างมีการทำงาน ถ้ารัฐบาลเอาจริงเอาจังทุกเรื่องจะต้องเดินไปตามนี้เราไม่ปล่อยปละละเลยทุกเรื่อง”

ประการที่สอง ล่าสุดรัฐบาลได้ออกแพ็กเกจซื้อใจรากหญ้าหลายชุดที่น่าจะเป็นประโยชน์หากนำมาป่าวประกาศอย่างเป็นระบบว่าสิ่งที่รัฐบาลทำไปนั้นมีอะไรบ้างและกำลังจะทำอะไรต่อไปใครได้ประโยชน์บ้าง

ไมว่าจะเป็นเรื่องมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่เปิดให้ขึ้นทะเบียนรอบสองและกำลังจะคลอดมาตรการ เยียวยา และบรรเทาความเดือดร้อนในหลายรูปแบบ เรื่อยไปจนถึงแนวคิดการปรับเบี้ยผู้สูงอายุ ที่หากนำสิ่งเหล่านี้มาขยายผลย่อมทำให้คะแนนนิยมเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย

ประการที่สาม นี่ยังเป็นโอกาสให้รัฐบาลได้กู้ภาพปล่อยปละละเลยไม่สนใจประชาชน ดังจะเห็นจากโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ รถถัง ของกองทัพ ทั้งที่เคยปฏิเสธคำร้องขอของเกษตรกรที่ประสบปัญหาผลผลิตตกต่ำก่อนหน้านี้เพราะอ้างว่าไม่มีงบประมาณเพียงพอ

ดังจะเห็นว่าการแถลงผลงานครั้งนี้วางแผนอย่างเป็นระบบ คือ กลุ่มแรกเป็นกลุ่มของ นายกรัฐมนตรี รองนายกฯ รัฐมนตรี ที่จะอธิบายในภาพรวมตามหน้าตักที่รับผิดชอบ ทั้ง 6 กลุ่มส่วนกลุ่มที่สอง รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงต้องออกมาชี้แจงในรายละเอียด

การเร่งกู้ความเชื่อมั่นและคะแนนนิยมจึงเป็นสิ่งที่ต้องรีบทำเพื่อไม่ให้กระทบกับเส้นทางตามโรดแมปที่วางไว้รวมไปถึง อนาคตหลังการเลือกตั้งที่เปิดช่องต้อนรับนายกรัฐมนตรีคนนอก