posttoday

ทลายรัง โกตี๋ เกมถอนรากถอนโคน "ทักษิณ"

21 มีนาคม 2560

การพุ่งเป้าไปที่​ “แดงปทุมฯ” เนื่องจากเป็นเครือข่ายที่สร้างวีรกรรมไว้ยาวเหยียด

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

ไม่ว่าจะเป็นการ “จัดฉาก” อย่างที่หลายฝ่ายออกมาตั้งข้อสงสัยหรือไม่ ​

ประเด็นสำคัญหลัง​ปฏิบัติการบุกรัง โกตี๋-วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ ​และตรวจยึดอาวุธสงครามจำนวนมากจากพื้นที่ต้องสงสัย 9 จุด ยังอยู่ที่การ “ขยายผล” ติดตามตัวผู้กระทำผิดตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีไม่ใช่ปล่อยให้เรื่องเงียบหายไปเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา

ด้านหนึ่งเพื่อพิสูจน์ข้อครหาเรื่อง “จัดฉาก” ​ว่าเรื่องนี้มีที่มาที่ไปจากการข่าวที่ติดตามเกาะติดหาข้อมูลมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่การ “จุดประเด็น” เพื่อหวังผลนำไปขยายแผลไปสู่ประเด็นอื่น

อีกด้านเพื่อสร้างความมั่นใจว่ารัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)​ ซึ่งมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในมือ มีความสามารถติดตามและควบคุมป้องกันสกัดความรุนแรงไม่ให้เกิดขึ้นในอนาคต

เพราะหากยังไม่สามารถติดตามตัวคนผิดและเครือข่ายมาดำเนินคดีย่อมไม่มีหลักประกันว่าในอนาคตจะไม่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดจากอาวุธเหล่านี้ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายนี้ที่กระจายตัวอยู่ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศได้หรือไม่

ยิ่งหากพิจารณาอาวุธ ซึ่งตรวจพบในหลายจุดทั้งบ้านพัก ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ของ ธีรชัย อุตรวิเชียร คนสนิทและแนวร่วมของโกตี๋ ที่พบสิ่งผิดกฎหมาย 29 รายการ อาทิ ปืนเอ็ม 16 จำนวน 4 กระบอก เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด 5.56 มม. จำนวน 4,566 นัด กระสุนปืนขนาด 7.62 มม. ซ้อมรบ 8 นัด ลูกระเบิดเอ็ม 79 จำนวน 8 นัด ลูกระเบิดขว้าง SFG75 จำนวน 1 ลูก ลูกระเบิดขว้าง RGD5 จำนวน 10 ลูก

จุดที่ 2 บ้านพัก ปาลิดา เรืองสุวรรณ ต.บางคูวัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี พบเอกสารต้องสงสัยมีลายมือเกี่ยวกับการจัดตั้งกองกำลัง และใบบันทึกรายการอาวุธของกลุ่ม ซีดีเพลงที่อาจจะเข้าข่ายหมิ่นสถาบัน จุดที่ 4 ​บ้านพัก จ.หนองคาย จุดที่ 6 จับกุม บุญส่ง คชประดิษฐ์ แนวร่วมเสื้อแดง จ.นครราชสีมา จุดที่ 7 หมู่บ้านสวัสดิการศูนย์การทหารราบ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ของ​ วันไชยชนะ ครุฑไชยันต์

จุดที่ 8 จับกุมตัว อุดมชัย นพสวัสดิ์ หรือแสนรัก ได้ขณะร่วมกันตรวจค้นที่พักในซอยรังสิต-นครนายก 33 และจุดที่ 9 ตรวจค้นภายในลานเก็บตู้คอนเทนเนอร์ที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งต้องสงสัยว่าเป็นที่เก็บซ่อนอาวุธเครือข่ายโกตี๋อีกแห่งหนึ่ง

สะท้อนให้เห็นเครือข่ายที่ทำงานกันอย่างเป็นระบบเชื่อมโยงไปในหลายพื้นที่ ท่ามกลางสัญญาณหลายอย่างที่ถูกตีความว่าปฏิบัติการรอบนี้ เหมือนเป็นหนึ่งในความพยายามกวาดล้างเครือข่าย “ทักษิณ”​ แบบถอนรากถอนโคน

ในแง่ความสัมพันธ์ปฏิเสธไม่ได้ว่ากลุ่มคนเสื้อแดงถือเป็นฐานกำลังที่สนับสนุน ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่างต่อเนื่องและเหนียวแน่น

ที่ผ่านมาความพยายามเข้าไปจัดการกับแกนนำเสื้อแดงได้เพียงแค่สะกดการเคลื่อนไหวของกลุ่มใหญ่ได้ชั่วครู่ชั่วคราว และควบคุมบรรดาแกนนำบางคนไม่ให้ออกมาสร้างปัญหาได้เท่านั้น

ส่วนแนวร่วมเสื้อแดงสายฮาร์ดคอร์จำนวนไม่น้อยต้องหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ และบางส่วนก็ยังไม่หยุดเคลื่อนไหวใช้ฐานที่ต่างประเทศเดินเกม ติดต่อ สั่งการ เครือข่าย รวมทั้งปลุกระดม ผ่านโซเชียลมีเดียกลับมายังประเทศไทย

การพุ่งเป้าไปที่​ “แดงปทุมฯ” เนื่องจากเป็นเครือข่ายที่สร้างวีรกรรมไว้ยาวเหยียด แถมยังพบการเคลื่อนไหวที่ยังคงดำเนินอยู่ถึงปัจจุบัน ทั้งคดีเก่า คดีใหม่ นับไม่ถ้วน

ดังจะเห็นตามที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ออกมาแถลงระบุว่า พบการจัดตั้งกลุ่มคนและสะสมอาวุธ ซึ่งเตรียมที่จะใช้สำหรับลอบสังหารผู้นำ

สอดรับกับ “สหายหมาน้อย” ขณะที่โกตี๋พยายามเคลื่อนไหวและประกาศผ่านโลกโซเชียลตลอดว่าจะมีการลอบทำร้ายผู้นำประเทศ จัดรายการวิทยุออนไลน์สู้เพื่อสหพันธรัฐไทย เผยแพร่ผ่าน YouTube ช่องไฟเย็นชาแนล ​ระบุว่า มีการเตรียมการลอบสังหาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ

ที่สำคัญเครือข่ายโกตี๋ยังถูกเชื่อมโยงไปถึงพฤติกรรมในคดีหมิ่นสถาบัน​มาตรา 112 และ ธรรมกาย ซึ่งพบหลายคนที่เคยเข้าร่วมชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงปี 2553 ​และพบการปลุกระดมให้ศิษย์วัดพระธรรมกายตอบโต้เจ้าหน้าที่ตำรวจในการเข้าค้นวัดพระธรรมกาย   ​

เครือข่ายของโกตี๋ จึงไม่ใช่เครือข่ายเล็กๆ การเข้าไปจัดการ จึงถือเป็นการตัดกำลังไม่ให้ออกมาสร้างปัญหาในอนาคต คู่ขนานไปกับการไล่บี้จัดการเครือข่ายทักษิณด้านอื่นๆ

ดังจะเห็นจากการไล่บี้ทักษิณ เรียกเก็บภาษี 1.6 หมื่นล้านบาท จากการขายหุ้นชินคอร์ป ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนหมดอายุความในวันที่ 31 มี.ค.นี้

รวมไปถึงการเรียกเก็บภาษีย้อนหลังจากอดีต 60 นักการเมืองในช่วงรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ ยิ่งลักษณ์​ ชินวัตร ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ออกมากระทุ้ง

ยังไม่รวมกับการเรียกเก็บค่าเสียหายทางแพ่งจาก​โครงการรับจำนำข้าว 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งกระบวนการงวดเข้ามาเรื่อยๆ เช่นเดียวกับกรณีของ บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ​ที่ถูกไล่บี้เรียกเก็บค่าเสียหาย 1,770 ล้านบาท จากการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ

แม้แต่การถอดถอน สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ​ กรณีการออกหนังสือเดินทางให้ทักษิณ ซึ่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กำหนดวันลงมติปลายเดือนนี้ ​​

ทั้งหมดตอกย้ำถึงความพยายามล้มเครือข่ายทักษิณแบบถอนรากถอนโคน ​