posttoday

สอยผบ.ตร.ไม่ใช่เรื่องง่าย คสช.ยังวางใจ ‘จักรทิพย์’

18 พฤศจิกายน 2559

ไม่ใช่ครั้งแรกที่กระแสปลด “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ ผบ.ตร. นายใหญ่ตำรวจไทยแห่งรั้วปทุมวัน จะมีให้เห็น

โดย...ทีมข่าวในประเทศโพสต์ทูเดย์

ไม่ใช่ครั้งแรกที่กระแสปลด “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ ผบ.ตร. นายใหญ่ตำรวจไทยแห่งรั้วปทุมวัน จะมีให้เห็น 

เพราะตลอดกรอบเวลา 1 ปี ที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 36 ที่ก้าวขึ้นมาเป็นนายใหญ่ในวงการสีกากี กระแสการถอดออกจากเก้าอี้ ผบ.ตร.ถูกถั่งโถมไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง

และครั้งล่าสุดเมื่อกลางเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา กระแสดังกล่าวถูกจุดขึ้นอีกครั้ง

แม้ว่าตัวพี่เบิ้มในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะออกมาพูดกลบกระแสว่าจะไม่มีการปลด พล.ต.อ. จักรทิพย์ แต่อย่างใด พร้อมกำชับว่าทำงานดี จะให้ไปปลดได้อย่างไร

สำทับด้วย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่พูดเช่นกันว่า จะไม่มีการปลด ผบ.ตร. และสั่งให้หาคนปล่อยข่าวมารับผิดชอบ

กระนั้นก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่า ขวากหนามของเก้าอี้ ผบ.ตร.ที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ นั่งอยู่ในขณะนี้ และมีสิทธิจะได้นั่งต่อยาวถึง 3 ปีกว่าจะเกษียณอายุราชการ กำลังถูกสั่นคลอนจากความขัดแย้งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

วิเคราะห์ถึงสาเหตุการจ้องเลื่อยขาเก้าอี้ครั้งนี้ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะ คสช.มอบตำแหน่ง ผบ.ตร.ให้กับ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ในขณะที่อายุราชการยังเหลืออีกยาวถึง 4 ปี ผิดแผกจากเดิมที่ตัว ผบ.ตร.จะนั่งในตำแหน่งนี้ก็ระยะเวลาไม่เกิน 2 ปีเท่านั้น เพื่อเปิดทางให้เพื่อนๆ น้องๆ ร่วมสีกากีได้เข้ามาบริหารงานตำรวจเมืองไทยกันบ้าง

คนผิดหวังย่อมมี เพราะอย่าลืมว่าเก้าอี้ตัวนี้ทรงคุณค่าอย่างสูงที่สุดในอาชีพตำรวจ เกียรติประวัติที่ตำรวจทุกนายเมื่ออยู่ในไลน์ได้ลุ้นก็ต้องหมายปอง

แน่นอนว่า แคนดิเดตหากเกิดการเปลี่ยนแปลงตัว ผบ.ตร.จริง คนที่น่าจะถูกจับตามองให้เป็น ผบ.ตร.คนถัดไป คงหนีไม่พ้นชื่อของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ที่รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง ในฐานะที่เป็นหนึ่งในน้องรัก และคนที่ไว้ใจของ พล.อ.ประวิตร ซึ่งเหลืออายุราชการอยู่เพียง 2 ปี และหากไม่เอาตำแหน่ง ผบ.ตร.ตอนนี้ ก็คงหมดสิทธิแน่นอน เพราะอายุราชการของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ยังเหลือมากกว่าอีก 1 ปี

อีกด้านคือเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับรองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) - สารวัตร (สว.) ประจำปี 2559 ซึ่งน่าสนใจที่ทุกครั้งของการแต่งตั้งโยกย้าย ชื่อของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ มักจะโดดขึ้นมาให้เห็นในแง่ลบทุกครั้ง โดยเฉพาะการปลดออกจากตำแหน่ง เพราะการแต่งตั้งในระดับนี้ “บิ๊กแป๊ะ” จะมีอำนาจในการคัดเลือกชื่อแต่เพียงผู้เดียว

แน่นอนว่า นายตำรวจที่อยู่ในข่ายหลายพันนาย บางส่วนต้องผิดหวังเป็นของธรรมดาเมื่อไม่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายตามที่ต้องการ กระแสคลื่นใต้น้ำเขย่าเก้าอี้ ผบ.ตร.จึงมีโอกาสเช่นกันที่อาจจะออกมาจากส่วนของความไม่พอใจนี้

อย่างไรก็ตาม แง่ดีของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ที่จะทำให้เจ้าตัวสามารถดำรงเก้าอี้ ผบ.ตร.ได้ต่อไป คือ เรื่องของความเด็ดขาด และในแง่ของการรักษาความสงบเรียบร้อยในสังคม ในคดีร้ายแรงต่างๆ แทบจะไม่มีคดีไหนที่ไม่สามารถปิดลงได้ในยุคของ “บิ๊กแป๊ะ” ด้วยการวางนายตำรวจที่ไว้ใจและเชื่อมือในตำแหน่งสำคัญๆ ทั้งงานสืบสวน ป้องกัน ปราบปราม ทำให้งานคดีร้ายแรงอาจลุล่วงไปด้วยความง่ายดาย

ผลพวงของการทำงานในจุดนี้ยังคงถูกใจรัฐบาล คสช.อยู่ ยิ่งในภาวะที่ต้องเรียกคะแนนต่างๆ จากประชาชน ตำรวจคือปัจจัยหนึ่งสำคัญของรัฐบาลที่ต้องสนองงานให้ได้เป็นรูปธรรม และที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ก็ยังไม่เคยทำให้ คสช.ต้องผิดหวัง

แต่จุดอ่อนของ ผบ.ตร.คนนี้ก็ย่อมมี ด้วยงานบริหารที่อาจจะเป็นจุดด้อยขอตัว ผบ.ตร. เนื่องด้วยว่า “บู๊” มาเกือบทั้งชีวิตข้าราชการตำรวจ ประสบการณ์นักสืบที่ช่ำชอง แต่งานด้านการจัดการคนอาจเป็นอุปสรรคปัญหา

และที่ผ่านมา แทบทุกครั้งด้วยว่าตัวนายใหญ่ของวงการสีกากีเอง หากจะหลุดจากตำแหน่งก็เพราะคลื่นใต้น้ำจากคนในด้วยกันเองแทบทั้งนั้น

หรือแม้แต่การขัดใจฝากเด็กฝากตำรวจในสังกัดของผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีอำนาจของบ้านเมือง เมื่อไม่สมปรารถนาก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องสอย ผบ.ตร.ลงจากตำแหน่ง ซึ่งของแบบนี้ก็มักจะมีให้เห็นอยู่ถมไป

แต่เมื่อกำแพงที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ใช้พิงหลังอยู่ยังคงแน่นปึ้ก และพี่ใหญ่ทั้งสองจาก คสช.ยังคงให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เรื่องนี้สำหรับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ คงพอเบาใจลงไปได้บ้าง ยังคงมีโอกาสสร้างความไว้วางใจให้ทำงานคุมตำรวจกว่า 2 แสนนายของเมืองไทยต่อไป

แม้กระแสข่าวลือการปลด ผบ.ตร.ในแทบทุกครั้งจะเป็นข่าวโคมลอย และท้ายสุด พล.ต.อ.จักรทิพย์ ก็ยังคงได้ดำรงตำแหน่งอยู่เช่นเดิม แต่สิ่งที่เชื่อได้ว่าทุกครั้งที่มีกระแสออกมา ย่อมมีคนหรือนายตำรวจที่หวังผลประโยชน์จากข่าวนี้เช่นกัน

และแน่นอนว่า เป็นเรื่องภายในที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ จะต้องจัดการ เพื่อสยบข่าวลือต่างๆ และเพื่อให้ขาเก้าอี้ของตัวเองมันแน่นยิ่งขึ้นในระยะเวลาอีก 3 ปีข้างหน้า