posttoday

"ขอเป็นผู้ประคอง ไม่ขอเป็นนายกฯ" เปิดใจ อนุทิน ชาญวีรกูล

12 พฤศจิกายน 2560

"สมมติพรรคอะไรก็แล้วแต่เป็นนายกฯ ผมเป็นคนประคองนายกฯ เชื่อว่าเครดิตผม คนเป็นนายกฯ สบายใจได้มากกว่า นักการเมืองเคี่ยวๆ คนอื่นมันไปกันได้"

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

การเมืองไทยหลังจากนี้แน่นอนว่าสปอตไลต์ทุกดวงส่องสว่างไปยัง “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เพราะอาจได้มาเป็นนายกรัฐมนตรีในอนาคตหากเกิดการเลือกตั้ง เนื่องด้วยอานิสงส์ของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เปิดทางให้กับพรรคขนาดกลาง

อนุทิน หัวเรือใหญ่ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น เปิดใจผ่าน “โพสต์ทูเดย์” ว่า “สิทธิที่บอกว่าผมเป็นนายกฯ สิทธินั้นใครๆ ก็รู้ว่ามี แต่ไม่เป็น ถ้าคิดถึงประโยชน์บ้านเมือง คือ ไม่ได้ ต้องเอาประโยชน์บ้านเมืองเป็นหลัก” เสียงยืนยันหนักแน่น

อนุทิน บอกว่า ถ้าเป็นนายกฯ ก็ได้แต่ชื่อ ส่วนตัวพูดชัดเจน การเมืองต้องมีกติกา ถ้าไม่ได้รับคะแนนไว้วางใจมากที่สุดอย่ามา เพราะถ้าเป็นนายกฯ คนกลาง ความเป็นผู้นำพรรคก็หายไป และกลายเป็นตาอยู่ ไม่ใช่เสียงข้างมาก จะมีปัญหาในการร่วมรัฐบาลร่วมกันทำงาน อำนาจนายกฯ จะเหลืออะไร

“สมมติพรรคอะไรก็แล้วแต่เป็นนายกฯ ผมเป็นคนประคองนายกฯ เชื่อว่าเครดิตผม คนเป็นนายกฯ สบายใจได้มากกว่า นักการเมืองเคี่ยวๆ คนอื่นมันไปกันได้ ผมเชื่อว่าตำแหน่งนายกฯ วันนี้ไม่ได้น่าเสน่หาแบบเสี้ยวหนึ่งของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ สมัยเป็นนายกฯ เพราะฉะนั้น เราผ่านร้อน ผ่านหนาว มาขนาดนี้ เราต้องเข้าใจการเมืองไทยมันเป็นแบบนี้”

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวไม่ใช่นักการเมืองแสวงหาอำนาจ 100% ยังมีความเป็นมืออาชีพ และรักในคุณสมบัติหน้าที่ของนักการเมือง ถ้าตั้งเป้าให้พรรคถึง 200 คน วันนี้คงไม่มีเวลามานั่งให้สัมภาษณ์ แต่พอใจที่มีอย่างนี้ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับแรกยังไม่รู้หมู่หรือจ่า ข้อบังคับข้างบนเต็มไปหมด ผิดอะไรไม่ได้สักอย่าง โดนเว้นวรรคไม่กลัว แต่มีอาญาด้วย มีคุก

“เรามีเวลา เราได้จากรัฐธรรมนูญ เนื้อหาของมันได้ทุกคะแนน พอแล้ว ไม่ต้องขออะไร ต้องรู้ตัวเอง ไปทดสอบก่อนว่าจริงแล้วมันทำงานได้หรือไม่ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมด มีหลายปัจจัย ดังนั้น ต้องรู้ตัวเองระดับไหน Support ให้มันดีที่สุดกับประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่าน”

"ขอเป็นผู้ประคอง ไม่ขอเป็นนายกฯ" เปิดใจ อนุทิน ชาญวีรกูล

ส่วนความพร้อมของพรรคภูมิใจไทยสู่สนามเลือกตั้ง แม้จะยังไม่มีการปลดล็อกทางการเมือง อนุทิน ยืนยันว่าตัวนโยบายพรรคชัดเจน คือ สงบ สันติ สามัคคี ประชานิยมสังคมเป็นสุข แต่คำว่าประชานิยมอาจจะต้องมานั่งอธิบาย ทำยังไงให้มันอยู่ภายใต้กรอบแห่งรัฐธรรมนูญ

 

“คนจะทำอะไรถ้ามันเพื่อส่วนรวม ไม่ต้องกลัว ถ้าทำแล้วประโยชน์ไม่ได้เข้ากระเป๋าตัวเองหรือคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ของพวกนี้เป็นวิทยาศาสตร์ กดตัวเลข หรือเอาเหตุผลมาให้ดู คนเห็นก็รู้ ใครจะมาห้าม ก็ไปตอบประชาชน ไม่ใช่ผม คุณจะห้ามได้สักกี่อัน อันนั้นอันนี้จะช่วยก็ห้าม รัฐบาลไปยืนอยู่ฝั่งประชาชน แล้วก็มาทวงถามคนห้าม จะทนได้สักกี่น้ำ"

ส่วนประเด็นที่มีความกังวลว่าถ้ากลับมาเลือกตั้งสามารถเลือกนายกฯ ได้รอบแรก และพยายามสร้างอารมณ์ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ จะเดินได้หรือไม่ อนุทิน มองว่า อยู่ที่คนในระบบเข้ามาแล้วทำความสงบให้บ้านเมืองหรือไม่ เพราะวันนี้พรรคใหญ่สุดใคร ยังไม่เห็น คนจะมาเป็นผู้นำพรรค หรือ สส.ปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 ต้องได้รับการยอมรับด้วย ไม่ใช่จะหยิบใครมา ยุคนี้ไม่เอาแล้ว ส่วนตัวไม่ได้ปฏิเสธ แต่ต้องดูก่อน ถ้าหยิบเอาคนที่รับไม่ได้มา ก็ยินดีเป็นฝ่ายค้าน

อนุทิน ฉายภาพมุมมองส่วนตัว โดยคิดว่าการเมืองไม่น่าจะถึงจุดนั้น แต่ถ้าเป็นคนนอกต้องใส หรือแบบสมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์  ซึ่งไม่ได้เสนอตัวเอง แต่เป็นพรรคการเมืองทั้งหลายไปกราบกราน ซึ่งต้องดูวันนั้น แต่ถ้าให้พูดบางทีก็เหมือนเห็นแก่ตัว เพราะการเมืองไทยวันนี้ได้แต่พูดเพราะๆ สวยๆ เก๋ๆ แต่ไม่มีอะไร สู้คนไม่ค่อยพูด พูดไม่ค่อยเก่ง แต่รู้ว่าปัญหาสังคมในวันนี้วางแผนระยะยาวไม่ได้การเมือง

“วางแผนแทบตายแต่ได้ 20 เสียง สำหรับผมอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง ชีวิตทั้งชีวิตไม่เชื่อดวง เชื่อแต่หน้างานเป็นยังไง แก้ปัญหายังไง ทุกอย่างจะมีคำตอบที่ชัด ผมจะไม่เป็นพรรคต่ำ 5 แน่นอน ส่วนพื้นที่อื่นๆ ก็หยอดกระปุกไปเรื่อยๆ ออกมาเท่าไรก็เท่านั้น ออกมาเท่านี้ก็มีแนวคิดแบบนี้ ทุกอย่างหน้างานอย่างเดียว”

แม้จะมีการมองรัฐบาลข้างหน้าอาจไม่เปลี่ยนจากภาพการเมืองเดิมๆ อนุทิน ขยายความว่า ระบอบประชาธิปไตยมันมีของมัน วันดีคืนดีมีคนแข็งแรงขึ้นมาชกบนเวที แพ้ทุกวัน เลยต้องตีหัวตอนเดินลงจากเวที ทุกคนก็ต้องรับผิดชอบไป พยายามทำใหม่ให้มันดีที่สุด

“ภาพในสังคมการเมือง ในสังคมวงกว้าง มองผมเป็นคน Compromise เป็นคนประสานได้ แต่ไม่ได้ประสานแบบเสียหลักการ แต่มีจุดตัวเอง ซึ่งไม่เสียหายอะไร และมีภาพของความเป็นนักปฏิบัติ กล้าตัดสินใจ ไม่สนใจในเรื่องของภาพ ทำในสิ่งถูกต้อง ทนต่อการก่นด่าได้ แล้วพิสูจน์ด้วยผลงาน ตรงนี้ พรรคผมมี ทีมผมมี

ถามว่าพรรคภูมิใจไทย ผมดีใจที่สุด แบรนด์ผมติดแล้ว เพราะมีรายการไปสัมภาษณ์ท่านพิชัย รัตตกุล ท่านระดับไหน ท่านพูดถึงเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา และภูมิใจไทย ท่านเอาชื่อพรรคผม ถือว่าโอเค วันนี้ไม่มีใครไม่รู้จักภูมิใจไทย ยังรู้จักมากกว่าชื่อ อนุทิน ผมแฮปปี้ ถ้าวันไหนคนรู้จักชื่อ อนุทิน เนวิน มากกว่า ไม่ดี

ที่ทำงานพรรคเคยเช่า วันนี้ผมเป็นหัวหน้า  ไม่ได้ ต้องซื้อ ผมจะไม่มีวันเดินเข้าไปพรรควันไหน บอกว่าคุณเป็นพรรคการเมืองแล้วไม่ดีขอยกเลิกสัญญาเช่า เพราะไม่มีเจ๊งมันอยู่ริมถนน เดี๋ยวรถไฟสีเขียวผ่าน ถ้าเลิกพรรค อาจกลายเป็นภูมิใจไทยคอนโด หรือคอมมูนิตี้มอลล์ คือ เราต้องคิด ต้องมีเอกลักษณ์”

"ขอเป็นผู้ประคอง ไม่ขอเป็นนายกฯ" เปิดใจ อนุทิน ชาญวีรกูล

อนุทิน ยอมรับว่า แม้ชื่อพรรคจะติดเป็นอันดับ 3 แต่ถ้าคนอื่นคงคิดเป็นนายกฯ ทั้งวัน แต่ส่วนตัวอยู่ให้มีความสุข เพราะอำนาจมันเท่านั้น อย่าไปบ้าจี้ ยอมรับความจริง ถ้าอยู่บนความเป็นจริง ยอมรับได้ ไม่ต้องคาดหวังอะไรสวยหรู ประเทศไทยไม่มีใครซ่อมได้

 

อย่างไรก็ตาม ต้องบริหารให้ถูก ตีมือคนให้เป็น หัวไม่ส่าย หางไม่กระดิก คนไม่พร้อมเป็นผู้นำไม่ได้ อาชีพการเมืองไม่มี นักการเมืองต้องพร้อมทุกอย่าง หยุดคอร์รัปชั่นได้ประเทศจะเจริญเท่าไร นอกจากนี้ พวก สส.ไม่ต้องห่วง ยังไงก็อยู่ได้ ส่วนตัวขอรักษาประโยชน์บ้านเมือง

ขณะเดียวกัน ส่วนตัวมีความเป็นห่วงเรื่องเศรษฐกิจประเทศไทย โดยเฉพาะการลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูง จำนวน 3 ล้านล้านบาท พร้อมตั้งคำถาม หากให้ถนน 8 เลน คนไทยจะเลือกอะไร เพราะเรื่องนี้คนมีการศึกษาสูงคิดแทน ทว่าประเทศที่มีระบบขนส่งมีประสิทธิภาพที่สุด คือ มีเส้นเมนหลักและแตกแขนงออกไป

“สมมติผมดูพื้นฐานเรื่องสาธารณูปโภค ก่อสร้าง โครงการรวบรวมมาให้หมด ถนนไฮเวย์ของภาครัฐ ปีที่แล้วมีงบประมาณเท่าไร แล้วทำให้มันเกิดการแข่งขัน เอาตัวเลขจริงมาวาง ผมกล้าพูด แต่ถ้าไม่มีคนประมูล เดี๋ยวผมเอาบริษัทไปประมูลให้เกลี้ยง เดี๋ยวจะทำให้ดู มันต้องมีอะไรที่ท้าทาย

ถ้าผมมีโอกาสเข้าไปช่วยงานภาครัฐ ท่านนายกฯ ครับ ถ้าเราเน้นงานในประเทศไทยแล้ว เขียนมาในสเปกว่าจากนี้ไป วัตถุดิบใดก็ตามที่มันสามารถผลิต ซื้อ และหาได้ภายในประเทศ ต้องเขียนตรงนั้น แล้วต้องออกมาตรการควบคุมราคาเพื่อป้องกันการโก่งราคา ยกเว้นของต้องนำเข้า”

ทั้งนี้ ประเทศต้องการอย่างเดียว คือ ต่อยอด แล้วตามด้วยเทคโนโลยี วันนี้ประเทศไทยต้องการจะออกจากไอซียู รากฐานผุกร่อน ถ้ารากฐานแน่นหนามากมันถึงจะอยู่ได้ ตรงไหนผุต้องปะ ท่านนายกฯ เป็นทหาร ส่วนตัวเป็นคนกลางเก่ากลางใหม่ ทำได้อย่างเดียว วางรากฐานให้แน่น