CAFE มือหุ่นยนต์ยักษ์ สำหรับช่วยเหลือพื้นที่ภัยพิบัติ

ปัจจุบันภัยธรรมชาติกลายเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญต่อการใช้ชีวิต ผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ก่อให้เกิดภัยพิบัติที่สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง อีกทั้งการส่งต่อความช่วยเหลือจากภายนอกก็ทำได้ยาก เมื่อเกิดความเสียหายต่อเส้นทางจนกีดขวางถนนและเส้นทางน้ำภายในพื้นที่

 

นี่เป็นเหตุผลในการคิดค้นมือหุ่นยนต์ยักษ์ เพื่อการช่วยเหลือและเข้าถึงพื้นที่ภัยพิบัติโดยเฉพาะ

 

 

CAFE มือหุ่นยนต์ยักษ์บนรถเครนเพื่องานกู้ภัย

 

นี่เป็นผลงานร่วมจากบริษัท Kumagai Gumi, Tsukuba University, NAIST และ ETH Zurich ด้วยการสนับสนุนจาก สำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศญี่ปุ่น กับการคิดค้นมือหุ่นยนต์ยักษ์สำหรับการกู้ภัยและเข้าช่วยเหลือคนในพื้นที่ภัยพิบัติ เพื่อแก้ไขปัญหาเศษซากที่พังถล่มโดยเฉพาะ

 

มือหุ่นยนต์เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีจากหลายภาคส่วน ตั้งแต่คุณสมบัติหยิบจับวัตถุที่มั่นคงไม่แตกหักคล้ายมือมนุษย์จาก ETH Zurich เข้ากับระบบ AI ที่พัฒนาโดย  NAIST หน่วยงานจากรัฐบาลญี่ปุ่น ก่อนได้รับการติดตั้งและนำไปใช้ในสถานการณ์จริงด้วยบริษัทก่อสร้าง Kumagai Gumi เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย

 

ขั้นตอนการทำงานเริ่มต้นจากเมื่อคว้าจับวัตถุ เซ็นเซอร์ตรวจจับแรงบนฝ่ามือและปลายนิ้วที่จะช่วยชี้วัดแรงที่ต้องใช้ในการคว้าจับ จากนั้นนิ้วมือจะทำการพองลมสร้างแรงดันเพื่อประคองวัตถุไว้ในมือโดยไม่แตกหัก ทำการขนย้ายวัสดุตั้งแต่โฟมที่เปราะบางหรือเหล็กที่มีความแหลมคมได้อย่างปลอดภัย แล้วทยอยเคลียร์ซากปรักหักพังดังกล่าวออกจากพื้นที่

 

ภายในปฏิบัติการข้อมูลจะถูกส่งให้กับ AI ที่ได้รับการฝึกในแบบจำลองเพื่อเรียนรู้วิธีการขุดและแยกแยะสิ่งกีดขวาง จากนั้นจึงนำมาใช้ประมวลผลร่วมกับข้อมูลหน้างานแบบเรียลไทม์ เพื่อให้ระบบทำการเรียนรู้และปรับตัว ไม่ให้เศษซากปรักหักพังที่ยกออกเสียหายจนกลายเป็นสิ่งกีดขวางชิ้นใหม่

 

นี่จึงถือเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีสำหรับกู้ภัยและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ภัยพิบัติได้เป็นอย่างดี

 

 

จุดเด่นของ CAFÉ ที่ดีกว่าเครื่องจักรหนัก

 

เมื่อพูดถึงการขนย้ายสิ่งแรกที่ทุกคนคิดคงเป็นบรรดาเครื่องจักรหนัก จนอาจตั้งคำว่ามือหุ่นยนต์นี้จำเป็นแค่ไหน แต่ในสถานการณ์จริงการขนย้ายซากปรักหักพังจากพื้นที่ภัยพิบัติแทบไม่สามารถใช้เครื่องจักรหนักได้ ด้วยช่องโหว่จากกลไกการทำงานที่ไม่ได้ออกแบบมารองรับเรื่องนี้

 

ประการแรกคือเครื่องจักรหนักส่วนใหญ่อาศัยระบบไฮดรอลิกที่มีแรงหนีบสูง อาจทำให้เศษซากแตกหักกระจัดกระจายไปทั่วพื้นที่ ในขณะที่มือหุ่นยนต์อย่าง CAFE มีกลไกการทำงานใกล้เคียงมือมนุษย์เรา จึงแน่ใจได้ว่าวัตถุที่หยิบออกมาจะไม่เกิดความเสียหาย ทำให้การช่วยเหลือหรือเคลียร์เส้นทางสามารถทำได้รวดเร็ว

 

อันดับถัดมาการใช้งานเครื่องจักรหนักสร้างแรงสั่นสะเทือนสูงมาก จริงอยู่การจัดการโครงสร้างขนาดใหญ่อาจมีความจำเป็นต้องใช้งาน แต่ในพื้นที่ประสบภัยอาจมีพื้นที่ละเอียดอ่อนที่เสี่ยงเสียหายและผู้ประสบภัยในพื้นที่ การนำเครื่องจักรหนักมาใช้โดยไม่ยั้งคิด อาจทำให้เกิดถนนทรุด ทางน้ำไหลบ่า หรือตึกถล่มซ้ำได้

 

อีกปัญหาคือการขนส่ง พื้นที่ประสบภัยส่วนมากเส้นทางขนส่งจะได้รับความเสียหาย ไม่สามารถส่งความช่วยเหลือเข้าไปได้มากนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเครื่องจักรหนักที่ต้องอาศัยพื้นที่และโครงสร้างพื้นฐานมารองรับ แตกต่างจากมือหุ่นยนต์ที่ได้รับการออกแบบให้ติดตั้งบนเครนทั่วไปน้ำหนักไม่เกิน 3 ตัน จึงสะดวกต่อการขนย้ายและเข้าถึงพื้นที่ประสบภัยง่ายกว่า

 

นอกจากนี้มือหุ่นยนต์ CAFE ยังมีจุดเด่นที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ AI ช่วยให้สามารถทำงานและปฏิบัติหน้าที่อัตโนมัติ ลดความเสี่ยงในการส่งเจ้าหน้าที่พร้อมอุปกรณ์เข้าสู่พื้นที่เสี่ยงจนอาจได้รับอันตราย เปลี่ยนเป็นการส่งหุ่นยนต์เข้าไปจัดการในพื้นที่เข้าถึงยาก จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการปฏิบัติงานและลดภาระของทีมกู้ภัยลงมาก

 

นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีน่าสนใจในยุคที่ภัยพิบัติกำลังทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน

 

 

 

น่าเสียดายที่ปัจจุบันมือหุ่นยนต์ CAFE ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา แม้จะเริ่มมีการผลิตต้นแบบออกมาทดลองใช้อยู่บ้างแต่ยังไม่มีการนำไปทดสอบในสถานการณ์จริง คาดว่ากว่าจะเริ่มมีการใช้งานจริงอาจต้องใช้เวลา 2 – 3 ปี แต่ถือเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีน่าสนใจที่อาจเข้ามาช่วยเหลือรับมือภัยพิบัติได้ในอนาคต

 

 

 

ที่มา

 

https://youtu.be/o7eoTivnGeE

 

https://www.techeblog.com/japan-massive-giant-robot-hand-cafe-project/