ปัญหาของโดรน AI ที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมได้ไม่ดีนัก

ปัจจุบัน AI เข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในการใช้ชีวิตประจำวันไปจนการทำงาน หลายสาขาวิชาชีพสามารถจัดการงานได้สะดวกรวดเร็วกว่าแต่ก่อน โดยเฉพาะในส่วนการวิเคราะห์ข้อมูลภาพถ่าย การวางแผนคาดการณ์ประเมินความเสี่ยง ไปจนการแปลภาษา ที่ทำให้การสนับสนุนช่วยเหลือสะดวกรวดเร็วขึ้นมาก

 

แต่ AI ก็ใช่จะดีกว่าเสมอไป เมื่อมีการพบว่าโดรน AI ยังช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมได้ไม่ดีนัก

 

 

ปัญหาของโดรน AI กับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม

 

การตรวจสอบนี้เป็นผลงานของนักวิจัยจาก Texas A&M University กับการค้นพบว่า โดรน AI ในปัจจุบันแม้จะมีขีดความสามารถในการค้นหาและช่วยเหลือผู้เสียชีวิตระหว่างเกิดภัยพิบัติ แต่อาจมีประสิทธิภาพในการช่วยเหลือและตรวจสอบผู้ประสบภัยน้ำท่วมไม่มากนัก

 

ปัจจุบันโดรน AI เข้ามามีบทบาทในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นอย่างมาก อาศัยระบบ Computer vision ในการตรวจภาพถ่ายหลายร้อยหลายพันภาพในเวลาไม่กี่นาที จากนั้นจึงจัดลำดับความสำคัญและบอกพิกัดตำแหน่งที่ทีมกู้ภัยควรเข้าไปตรวจสอบ ช่วยลดภาระของทีมกู้ภัยและโอกาสรอดของผู้ประสบภัยขึ้นมาก

 

จริงอยู่ AI อาจไม่ได้เที่ยงตรงเต็มร้อยยังเกิดอาการหลอนสร้างเป้าหมายเท็จขึ้นมาได้ แต่สำหรับผู้ประสบภัยน้ำท่วมอาจยิ่งแย่กว่าภัยพิบัติอื่น เนื่องจากผู้ประสบภัยน้ำท่วมมักหลบอยู่ในอาคาร ถูกบดบังจากซากปรักหักพัง ต้นไม้พืชพรรณ หรือจมอยู่ใต้น้ำ ทำให้อัลกอริทึมจำแนกผู้ประสบภัยได้ยาก

 

ตามปกติ AI จะได้รับการฝึกให้จำแนกภาพมนุษย์อย่างแม่นยำ แต่ภาพบุคคลที่ถูกเศษซากถล่ม เกาะเกี่ยวตามต้นไม้ หรือไหลไปตามน้ำยังมีชุดข้อมูลตัวอย่างไม่มากพอ ร้ายแรงกว่าคือผู้ประสบภัยน้ำท่วมอาจไหลไปตามน้ำหรือเกิดการเคลื่อนไหว ทำให้ตำแหน่งเกิดการคลาดเคลื่อนได้ง่ายเมื่อเทียบกับภัยพิบัติประเภทอื่นจนยากต่อการส่งความช่วยเหลือ

 

นั่นทำให้การใช้งานโดรน AI เพื่อค้นหาตรวจสอบผู้ประสบภัยน้ำท่วมยังทำได้ไม่มีประสิทธิภาพนัก

 

 

ความร่วมมือระหว่างมนุษย์กับ AI หัวใจสำคัญในการกู้ภัย

 

ถึงการใช้งานโดรน AI คอยช่วยระบุและแยกแยะภาพยังมีข้อจำกัด โดยเฉพาะอาการหลอนหรือตอบสนองสถานการณ์เฉพาะหน้าไม่ดีนัก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเลิกใช้เทคโนโลยีโดยสิ้นเชิง ในภารกิจค้นหาช่วยเหลือในป่า ภูเขา หรือกลางทะเล โดรน AI ก็มีบทบาทสำคัญในการค้นหาจนช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างปลอดภัย

 

นอกจากนี้การใช้งานมนุษย์มาคอยตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศคือเรื่องเป็นไปไม่ได้ ภาพที่ได้จากการส่งโดรนตัวนึงขึ้นบินราว 10 นาทีอาจมีมากนับร้อยหรือพันภาพ แม้จะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบ แต่ก็อาจเกิดข้อผิดพลาดจนละเลยภาพบางภาพทั้งยังต้องใช้เวลา ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผู้ประสบภัยมีน้อยที่สุด

 

ทางทีมวิจัยเองก็แนะนำวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นคือ การร่วมมือระหว่างมนุษย์ และ AI โดยการปรับปรุงการตั้งค่าให้ระบบค้นหาเศษซากขนาดใหญ่ อาจเป็นกองขยะหรือซากปรักหักพังที่เป็นไปได้ว่าจะมีคนติดอยู่ โดยมี AI คอยคัดกรองชุดข้อมูลเบื้องต้นและช่วยกรองภาพถ่ายจำนวนมหาศาลในระบบ

 

จากนั้นข้อมูลจะถูกส่งไปให้เจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญช่วยประเมินความเป็นไปได้ หากมีแนวโน้มว่าจะมีคนติดอยู่ก็ระบุพิกัดของวัตถุต้องสงสัยและส่งข้อมูลไปยังเจ้าหน้าที่หน้างานให้ตรงเข้าตรวจสอบต่อไป ช่วยให้เจ้าหน้าที่โฟกัสกับพื้นที่ที่อาจมีผู้รอดชีวิตง่ายขึ้น

 

ด้วยวิธีนี้จะช่วยลดข้อผิดพลาดทั้งจากอาการหลอนของ AI และความผิดพลาดของอัลกอริทึมลงได้ ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถพุ่งเป้าไปยังตำแหน่งสำคัญที่อาจมีผู้รอดชีวิตโดยไม่ต้องตรวจสอบเองทั้งหมด ลดภาระการทำงาน แต่ก็ไม่ละเลยจุดที่อาจมีผู้รอดชีวิตตกค้าง โดยเฉพาะในชั่วโมงและวันแรกซึ่งอาจช่วยเหลือ

 

ความร่วมมือระหว่างมนุษย์และโดรน AI จึงถือเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม

 

 

 

 

ปัญหาและข้อจำกัดที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพียงข้อติดขัดเพียงชั่วคราว ในอนาคตเมื่อมีการเก็บรวบรวมข้อมูลแม่นยำขึ้น โดรน AI อาจสามารถแก้ปัญหาและระบุตำแหน่งผู้ประสบภัยน้ำท่วมได้อย่างแม่นยำ แต่เรื่องนี้ก็แสดงให้เห็นว่าแม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปแค่ไหน การกู้ภัยและส่งความช่วยเหลือให้เร็วที่สุดก็ยังจำเป็นต้องอาศัยมนุษย์ตัวเป็นๆ อยู่เช่นเดิม

 

 

 

ที่มา

 

https://techxplore.com/news/2025-07-drones-ai-quickly-victims.html