Apple สวนทางบิ๊กเทค! ชู "โมเดลไฮบริด" ไม่ทุ่มงบชิงสมรภูมิ AI
Apple สวนทางบิ๊กเทค! ไม่ทุ่มงบ Capex ชิงสมรภูมิ AI เผยกลยุทธ์ "ไฮบริด" ซื้อกำลังประมวลผลภายนอก ควบคู่การสร้าง Private Cloud Compute ด้วยชิปของตัวเอง
ท่ามกลางสมรภูมิที่เหล่าบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี ต่างทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล (Data Center) เพื่อชิงความเป็นหนึ่งด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) แต่ Apple กลับเลือกเดินในเส้นทางที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง
สำนักข่าว CNBC รายงานว่า Kevan Parekh ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) ของ Apple ไขข้อข้องใจนี้ระหว่างการแถลงผลประกอบการไตรมาสที่ 4 โดยระบุว่า
แทนที่บริษัทจะกว้านซื้อชิป AI ให้ได้มากที่สุดเหมือนคู่แข่ง Apple เลือกใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า "โมเดลผสมผสาน" (Hybrid Model) โดยแบ่งเป็นสองส่วนชัดเจน
- ซื้อ "กำลังการประมวลผล" จากพันธมิตรภายนอก
- สร้างเซิร์ฟเวอร์ AI ของตัวเอง โดยใช้ "ชิปที่ออกแบบเอง" (ไม่ใช่ชิปจาก Nvidia หรือ AMD) ภายใต้บริการที่เรียกว่า Private Cloud Compute
"ผมไม่คิดว่าเราจะทิ้งแนวทางแบบผสมผสาน เราใช้ประโยชน์จากทั้งศักยภาพภายในของเราเองและจากพันธมิตรภายนอก" ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) ของ Apple เสริมความเห็น
การประกาศของ Apple เกิดขึ้นท่ามกลางสัปดาห์ที่ดุเดือดของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ซึ่งคู่แข่งอย่าง Alphabet (Google), Microsoft และ Meta (Facebook) ต่างประกาศ "อัดฉีดงบลงทุน" กันอย่างเต็มที่เพื่อรองรับสมรภูมิ AI
- Alphabet (Google): คาดว่าจะทุ่มงบ Capex ราว 9.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้
- Microsoft: ใช้ไปแล้ว 3.49 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสเดียว (สิ้นสุด ก.ย.) และจะทุ่มเพิ่มอีกในปีงบประมาณ 2026
- Meta: มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ยืนยันแผนใช้จ่าย 7.1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2025
- Amazon: เพิ่งปรับเพิ่มคาดการณ์การใช้จ่ายปี 2025 ขึ้นอีก 6% แตะ 1.25 แสนล้านดอลลาร์
ตัวเลขของ Apple "น้อย" แต่ "โต"
เมื่อหันกลับมาดู Apple ตัวเลขงบลงทุน ในปีงบประมาณ 2025 (สิ้นสุด ก.ย.) ที่ 1.272 หมื่นล้านดอลลาร์ อาจดู "จิ๊บจ๊อย" เมื่อเทียบกับคู่แข่ง
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ตัวเลขนี้ เติบโตขึ้นถึง 35% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด และ Kevan Parekh ก็ยืนยันว่าจะเพิ่มขึ้นอีก
โดยนักวิเคราะห์คาดว่า Capex ของ Apple จะแตะ 1.43 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้
กลยุทธ์ต่าง แต่ยอดขายไม่สะเทือน
แม้ว่า Apple Intelligence ชุดเครื่องมือ AI ที่เพิ่งเปิดตัวไปจะได้รับเสียงตอบรับที่ "หลากหลาย"
และฟีเจอร์สำคัญอย่าง Siri ที่ปรับปรุงใหม่ก็ถูกเลื่อนออกไป (แต่ล่าสุด Apple ยืนยันว่ากำลังมาตามแผนในปีหน้า)
คำถามสำคัญคือ กลยุทธ์ AI ที่แตกต่าง ส่งผลกระทบต่อยอดขายฮาร์ดแวร์หรือไม่?
คำตอบคือ "ไม่สะเทือนยอดขาย"
ทิม คุก ซีอีโอของ Apple ให้สัมภาษณ์กับ CNBC อย่างมั่นใจว่า กระแสตอบรับของผู้บริโภคต่อ iPhone 17 นั้น "ถล่มทลาย"
และบริษัทคาดว่ายอดขายโดยรวมในไตรมาสเดือนธันวาคม (ไตรมาสวันหยุด) จะเติบโต 10% ถึง 12%
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหาร Apple ก็ยอมรับว่า AI กำลังเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อสมาร์ทโฟน
กลยุทธ์ "ไฮบริด" ของ Apple ยังมีนัยยะทางบัญชีที่น่าสนใจ เพราะหมายความว่าค่าใช้จ่าย AI บางส่วนของบริษัท ถูกบันทึกเป็น "ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน" แทนที่จะเป็น "งบลงทุน" เหมือนบริษัทคู่แข่ง
จึงอาจอธิบายได้ว่าทำไม "ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน" ของ Apple ถึงเพิ่มขึ้น 11% ในปีที่ผ่านมา แตะ 1.591 หมื่นล้านดอลลาร์
"เรากำลังเพิ่มการลงทุนใน AI ควบคู่ไปกับการลงทุนในแผนงานผลิตภัณฑ์ของเรา และงบดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่นั้น มาจากการวิจัยและพัฒนา (R&D)" ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) ของ Apple กล่าวสรุป


