Meta ชูโรงฟีเจอร์ใหม่ 'Parental Controls' คุมลูกหลานคุย AI

 

Meta เปิดรายละเอียดฟีเจอร์ "Parental Controls" (การควบคุมโดยผู้ปกครอง) ชุดใหม่ ที่จะนำมาใช้กับแพลตฟอร์มในเครือ มุ่งเป้าให้ผู้ปกครองสามารถกำกับดูแลการสนทนาของบุตรหลานวัยรุ่นกับ "ตัวละคร AI" (AI Characters) ได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น 

 

โดยฟีเจอร์ไฮไลต์ที่จะทยอยเปิดใช้ในปีหน้า คือการ "บล็อก" ตัวละคร AI ที่ไม่ต้องการ และ "ติดตาม" หัวข้อที่บุตรหลานพูดคุยได้

 

Meta ระบุว่า ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ผู้ปกครองจะสามารถ "ปิดการแชท" กับตัวละคร AI ทั้งหมดบนบัญชีของบุตรหลานได้ทันที

 

อย่างไรก็ตาม การปิดกั้นนี้จะไม่รวมถึง "Meta AI" ซึ่งเป็นแชทบอทหลักของบริษัท ที่ทาง Meta ยืนยันว่าจะคอยพูดคุยแต่เรื่องที่เหมาะสมกับวัยเท่านั้น

 

สำหรับผู้ปกครองที่ต้องการควบคุมแบบเจาะจง ก็สามารถเลือก "บล็อกตัวละคร AI เป็นรายตัว" ได้เช่นกัน ที่สำคัญ ผู้ปกครองจะได้รับข้อมูลสรุปว่าบุตรหลานกำลังพูดคุย "หัวข้อ" ใดบ้าง ทั้งกับตัวละคร AI และ Meta AI

 

Meta มีแผนจะเริ่มใช้ฟีเจอร์เหล่านี้บน Instagram ในช่วงต้นปีหน้า โดยจะประเดิมใน 4 ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักก่อน ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา และออสเตรเลีย

 

อดัม มอสเซรี หัวหน้าฝ่าย Instagram และ อเล็กซานเดอร์ หวัง หัวหน้าฝ่าย Meta AI ที่เพิ่งรับตำแหน่ง กล่าวในแถลงการณ์ร่วมว่า

 

 

"เราเข้าใจดีว่าผู้ปกครองยุคนี้มีภาระหนักอยู่แล้วในการดูแลบุตรหลานให้ท่องอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย เราจึงมุ่งมั่นที่จะมอบเครื่องมือที่เป็นประโยชน์และใช้งานง่าย เพื่อช่วยพวกเขา โดยเฉพาะเมื่อต้องรับมือกับเทคโนโลยีใหม่อย่าง AI"

 

ความเคลื่อนไหวนี้สอดคล้องกับประกาศก่อนหน้านี้ว่า Meta จะใช้มาตรฐานเรท "PG-13" (เนื้อหาที่ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำ) กับประสบการณ์ AI ทั้งหมดสำหรับเยาวชน

 

โดยจะคัดกรองหัวข้ออ่อนไหว เช่น ความรุนแรง, ภาพเปลือย หรือการใช้ยาเสพติด 

 

Meta ยังเสริมว่า ปัจจุบันเยาวชนสามารถโต้ตอบกับตัวละคร AI ที่ผ่านการคัดกรองเนื้อหาแล้วเท่านั้น อีกทั้งผู้ปกครองยังสามารถ "จำกัดเวลา" การใช้งาน AI ได้

 

และก่อนหน้านี้ Instagram ก็เพิ่งนำ AI มาใช้ตรวจจับเยาวชนที่พยายาม "โกงอายุ" บนแอปอีกด้วย

 

ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่ Meta แต่แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ ทั้ง OpenAI และ YouTube ต่างก็ "ตื่นตัว" เร่งออกมาตรการเพื่อความปลอดภัยของเยาวชนเช่นกัน

 

การขยับตัวครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสกดดันและความกังวลในสังคม เกี่ยวกับผลกระทบของโซเชียลมีเดียต่อสุขภาพจิตของเยาวชน รวมถึงคดีความฟ้องร้องหลายคดีที่กล่าวหาว่าบริษัท AI มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าตัวตายของเยาวชน