ดีลสะท้านฟ้า! Meta ทุ่ม 4 พันล้าน ซื้อ AI สร้างภาพ Black Forest Labs

 

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า Meta ทุ่มงบประมาณมหาศาลกว่า 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 4,445 ล้านบาท

 

เพื่อเซ็นสัญญาระยะยาวกับ Black Forest Labs สตาร์ทอัพสัญชาติเยอรมันที่กำลังมาแรงและเป็นที่จับตามองในฐานะ "ดาวรุ่งพุ่งแรง" แห่งวงการ AI สร้างภาพ

 

แหล่งข่าววงในเปิดเผยกับ Bloomberg ว่า ดีลครั้งประวัติศาสตร์นี้จะแบ่งจ่ายเป็น 2 งวด คือ 35 ล้านดอลลาร์ในปีแรก และอีก 105 ล้านดอลลาร์ในปีถัดไป

 

เพื่อให้ Meta ได้สิทธิ์ในการนำเทคโนโลยี AI สร้างภาพสุดล้ำของ Black Forest Labs ไปต่อยอดบริการของตัวเอง

 

การตัดสินใจทุ่มทุนครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์เชิงรุกของ Meta ที่ต้องการก้าวขึ้นเป็นผู้นำในสงคราม AI อย่างเต็มตัว

 

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ทุ่มเงินมหาศาลเพื่อดึงตัวเหล่าหัวกะทิจากบริษัทคู่แข่ง และเพิ่งจับมือกับ Midjourney AI สร้างภาพชื่อดังไปหมาดๆ

 

 

ทำความรู้จัก Black Forest Labs  

 

สำหรับ Black Forest Labs แม้จะเป็นสตาร์ทอัพที่เพิ่งก่อตั้งได้เพียงปีเดียว แต่ก็สร้างชื่ออย่างรวดเร็ว

 

บริษัทนี้เกิดจากการรวมตัวของทีมงานหลักบางส่วนที่เคยมีส่วนร่วมสร้าง AI สร้างภาพชื่อก้องโลกอย่าง Stable Diffusion แต่ยังคงดำเนินงานอย่างไม่เปิดเผยตัวมากนัก

 

ชื่อของ Black Forest Labs กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างจากความร่วมมือกับ xAI ของ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ในการพัฒนาฟีเจอร์สร้างภาพให้กับแชตบอต "Grok" 

 

ซึ่งผลลัพธ์บางส่วนได้สร้างกระแสไวรัลและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปพร้อมกัน โดยเฉพาะภาพตัวการ์ตูนดังอย่าง มิกกี้ เมาส์ หรือ ปิกาจู ถืออาวุธ

 

อย่างไรก็ตาม โฆษกของบริษัทได้ออกมายืนยันว่า "มุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีอย่างมีความรับผิดชอบ"

 

ในเชิงธุรกิจ Black Forest Labs ถือว่าเติบโตอย่างก้าวกระโดด ข้อมูลล่าสุดเมื่อเดือนสิงหาคมระบุว่า

 

บริษัทมีรายได้ประจำปี (ARR) สูงถึง 96.3 ล้านดอลลาร์ และยังมีลูกค้ารายใหญ่ในมือทั้ง Adobe, Canva และ Snap 

 

ซึ่งเมื่อรวมกับดีลของ Meta คาดว่าจะมีมูลค่าสัญญารวมกันสูงถึง 300 ล้านดอลลาร์ พร้อมตั้งเป้าว่ารายได้ประจำปีจะทะยานสู่ 300 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2026

 

ก่อนหน้านี้ Black Forest Labs เคยระดมทุนไปแล้วกว่า 100 ล้านดอลลาร์ ซึ่งการระดมทุนรอบดังกล่าวได้ส่งให้ Black Forest Labs กลายเป็นสตาร์ทอัพระดับ ‘ยูนิคอร์น’ ที่มีมูลค่าบริษัทแตะ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นที่เรียบร้อย